
กระรอก สัตว์ตัวเล็กน่ารักคนนิยมเลี้ยง ด้วยความฉลาดแสนรู้ ขี้เล่น แถมยังกินอยู่ง่าย บางคนอาจจะมองข้ามไปว่า พวกเขาคือสัตว์ป่า ย่อมมีสัญชาตญาณเดิม ตามธรรมชาติ แล้วถ้าอยากเลี้ยง จะมีวิธีการเลี้ยงอย่างไร สายพันธุ์ไหนถูกกฎหมาย ราคาเท่าไหร่กันบ้าง เรารวมข้อมูลมาให้ สำหรับมือใหม่หัดเลี้ยงทุกคน
กระรอก (Squirrel) สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ประเภทสัตว์ฟันแทะขนาดเล็ก อยู่ในวงศ์กระรอก Sciuridae เป็นสัตว์พื้นเมือง สามารถพบเห็นได้ทั่วไป โดยมีแหล่งอาศัยเกือบทุกแห่ง ทั้งในเขตป่าฝน ป่าเขตร้อน รวมถึงพื้นที่แห้งแล้ง เขตกึ่งทะเลทราย แต่ยกเว้นพื้นที่ขั้วโลก หรือหนาวเย็นสูง [1] มีอายุขัยประมาณ 10 – 20 ปี
สายพันธุ์ของกระรอก สามารถแบ่งแยกได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่ โดยจำแนกออกเป็น 30 ชนิดย่อย ดังนี้
นอกจากนั้นยังมีสายพันธุ์อีก 3 ชนิด ที่มีลักษณะทางกายภาพ ใกล้เคียงกับกระรอก ซึ่งทำให้หลายคน เกิดการเข้าใจผิด ว่าเป็นกระรอกเหมือนกัน โดยความจริงแล้ว อยู่อันดับต่างกันกับกระรอก ดังต่อไปนี้
ลักษณะทางกายภาพ เป็นสัตว์ขนาดเล็ก โดยมีขนาดตัวตั้งแต่ 10 – 14 เซนติเมตร มีน้ำหนักเพียง 12 – 26 กรัม ซึ่งเป็นกระรอกแคระแอฟริกัน และกระรอกแคระขนาดจิ๋วที่สุด จนถึงกระรอกขนาดใหญ่ คือ กระรอกบินยักษ์ภูฏาน ขนาดความยาวของตัว ประมาณ 1.27 เมตร อาจมีน้ำหนักตัวถึง 8 กิโลกรัม หรือมากกว่านั้น
ร่างกายของกระรอกทั่วไป จะค่อนข้างมีลำตัวเรียวยาว มีหางเป็นพวงยาว และดวงตากลมโต โดยจะมีขนเนียนนุ่ม มีความหนาของขน มากกว่าสัตว์บางสายพันธุ์ มีสีขนแตกต่างกัน ส่วนใหญ่แล้วเป็นสีน้ำตาล หรือสีเทา ประกอบด้วยนิ้วเท้า 4 เท้า หรือ 5 เท้า แล้วแต่สายพันธุ์ พร้อมกับกรงเล็บแข็งแรง
นิสัยและพฤติกรรม เป็นสัตว์ที่มีความฉลาด คล่องแคล่วว่องไว นิสัยขี้เล่น ชอบกักตุนอาหาร ปีนป่ายค่อนข้างเก่ง ทั้งยังมีความทักษะ การจดจำได้อย่างดี โดยเฉพาะที่พักอาศัยเดิม รวมถึงอาจมีนิสัยดุร้าย หากเริ่มเข้าสู่ช่วงฤดูผสมพันธุ์ ซึ่งมีการผสมพันธุ์เพียง 1 – 2 ครั้ง / ปี และตั้งท้องแค่ 3 – 6 สัปดาห์ เท่านั้น
กระรอกนับว่าเป็นสัตว์ป่าชนิดหนึ่ง ที่ไม่เชิงว่าเป็นสัตว์เลี้ยง เพราะยังมีสัญชาตญาณตามธรรมชาติ โดยมีความเป็นมิตร เมื่ออยู่กับคน และอาจมีพฤติกรรมก้าวร้าว กัดหรือข่วนได้ในบางครั้ง ผู้เลี้ยงจึงต้องได้รับใบอนุญาต การเลี้ยงสัตว์ป่า และศึกษาวิธีการเลี้ยง อย่างถูกต้องและเหมาะสม
กรงสำหรับอยู่อาศัย ควรมีขนาดกว้างใหญ่ เพื่อการเดินสำรวจและปีนป่าย มีอากาศถ่ายเทสะดวก มีรั้วรอบขอบชิด เพื่อป้องกันการหนีออก และแนะนำว่าต้องมี กล่องทำรังนอน ด้วยวัสดุแข็งแรง รวมถึงผ้าเนื้อนุ่ม ให้สามารถนอนได้สบายตัว และอบอุ่นต่อร่างกาย
อาหารของกระรอก ส่วนมากจะหากินอยู่บนต้นไม้ ควรให้เป็นผลไม้ท้องถิ่น เช่น กล้วย แตงโม มะม่วง มะละกอ มะเฟือง เป็นต้น ทั้งยังสามารถกินอาหาร จำพวกแมลง เปลือกไม้ ถั่วดิบ ถั่วพีแคน อินทผาลัม และผักใบเขียว แต่หากเป็นกระรอก ตัวแรกเกิด – 2 เดือน ควรเน้นให้นมแพะเป็นหลัก
ข้อดีและข้อเสีย สำหรับการเลี้ยง กระรอกในบ้าน ข้อดี คือ กระรอกมีความน่ารักเลี้ยงง่าย สามารถผูกพันกับคนได้ ตั้งแต่ยังเล็กจนโต และข้อเสีย คือ อาจมีปัญหาทางด้านกฎหมาย (การเลี้ยงต้องได้รับใบอนุญาต) ค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาสูง ทั้งยังมีสัญชาตญาณสัตว์ป่า ที่บางครั้งไม่อาจคาดเดาได้เลย [2]
สำหรับในประเทศไทย คนส่วนมากนิยมเลี้ยง กระรอกสายพันธุ์ขนาดเล็ก เลี้ยงง่าย แม้ว่าเป็นมือใหม่ก็สามารถเลี้ยงได้ แถมยังมีราคาซื้อขายในตลาดค่อนข้างถูก ยกตัวอย่างเช่น กระรอกสวน กระรอกหลากสี และกระรอกสมิง โดยราคาแบ่งตาม ความนิยม ความสวยงาม และอายุของกระรอก ดังต่อไปนี้
ที่มา: สายพันธุ์กระรอกที่นิยมเลี้ยง และราคาซื้อขาย [3]
กระรอก สัตว์ตัวเล็กหน้าตาน่ารัก ขนาดตัวพกพาง่าย ได้รับความนิยมรองลงมาจาก กระรอกดอร์เมาส์ เอาใจคนรักสัตว์มือใหม่ แนะนำอยากเลี้ยงศึกษาสายพันธุ์ให้ดีก่อน เนื่องจากว่ากระรอกเป็นสัตว์ป่า ทั้งยังมีอายุยืนยาวกว่า 10 – 20 ปี สามารถเป็นสัตว์เลี้ยงตัวโปรดไปได้อีกนาน