
ตุ๊กแกหางอ้วน หากได้ยินคำว่าตุ๊กแก! คงไม่มีใครจินตนาการได้ว่า อยากที่จะเลี้ยงอย่างแน่นอน เพราะมีหน้าตาน่ากลัว และทำร้ายคน ซึ่งแตกต่างอย่างชัดเจน กับเจ้าตุ๊กแกสายพันธุ์ต่างประเทศ ที่มีความน่ารัก สีสันสวยงาม ทั้งยังเลี้ยงให้เชื่องง่ายมาก นิยมนำมาเป็นสัตว์เลี้ยงกัน ทั่วบ้านทั่วเมืองในปัจจุบัน
ตุ๊กแกหางอ้วน (Fat Tail Gecko) สัตว์เลื้อยคลาน จำพวกตุ๊กแก สายพันธุ์แอฟริกัน จัดอยู่ในวงศ์ย่อย Eublepharinae เป็นตุ๊กแกชนิดอาศัยตามพื้นดิน จากแหล่งกำเนิด ภูมิภาคแอฟริกาตะวันตก และประเทศแคเมอรูน พบเจอได้ในบริเวณพื้นที่แห้ง เช่นเดียวกับพื้นที่สะวันนา [1] โดยมีอายุขัย ประมาณ 15 – 20 ปี ตามธรรมชาติ และแบบสัตว์เลี้ยง
ลักษณะที่เด่นชัดของ ตุ๊กแกพันธุ์หางอ้วน เป็นสายพันธุ์ที่แตกต่าง จากตุ๊กแกทั่วไปอย่างชัดเจน โดยมีหางที่อวบอ้วนและสั้นป้อม ความยาวของหางตัวเมีย ประมาณ 7 – 8 นิ้ว ส่วนหางของตัวผู้ จะมีความยาวและใหญ่กว่าเล็กน้อย บางตัวมากสุดถึง 9 – 12 นิ้ว และมีน้ำหนักตัว ประมาณ 75 กรัม
จากหางที่อวบอ้วน ทำหน้าที่ในการสะสมไขมัน ซึ่งเมื่อขาดแคลนอาหาร จะสามารถนำมา ดำรงชีวิตต่อได้ในระยะหนึ่ง นอกจากนั้น ยังช่วยป้องกันภัย อันตรายจากนักล่า เช่นเดียวกับตุ๊กแกชนิดอื่น เพราะสามารถปล่อยทิ้งหางของตัวเอง เพื่อหลบหนีศัตรูอย่างรวดเร็ว
และสร้างหางใหม่ขึ้นมาได้ แต่จะไม่เหมือนเดิม ซึ่งจะมีลักษณะที่เรียบ และเป็นกระเปาะมากกว่า ส่วนสีตามลำตัวของตุ๊กแก จะมีสีค่อนข้างชัด โดยทั่วไปจะมีสีน้ำตาล แถบสีน้ำตาลเข้ม หรือสีเบจ เป็นแถบสีขาวบาง ๆ ซึ่งเป็นแถบแนวยาว ตลอดด้านหลัง และส่วนของใต้ท้อง เป็นสีชมพูอ่อน หรือสีขาวนวล
Fat Tail Gecko มีนิสัยแตกต่าง จากตุ๊กแกบ้านเราอย่างสิ้นเชิง โดยในช่วงวัยเด็ก จะค่อนข้างขี้กลัว และตกใจง่ายมาก หากกำลังอยู่ในอาการตกใจ จะขู่ทันทีเพื่อป้องกันตัว หรือสลัดหางทิ้ง และวิ่งหนีไป แต่หากเข้าสู่ในช่วงโตเต็มวัย จะมีความเชื่อง ไม่ส่งเสียง ไม่กัด มีนิสัยขี้เกียจชอบนอน จนสามารถหลับบนมือคนได้เลย
พฤติกรรมโดยส่วนมาก จะใช้เวลาในการหลบซ่อนตัว ในที่มืดและอับชื้น หรือหลบจากสภาพแวดล้อม ในช่วงตอนกลางวัน ที่ร้อนและแห้งจนเกินไป มักพบได้ในโพรง ใต้ก้อนหิน หรือท่อนไม้ ส่วนตอนกลางคืน จะเป็นเวลาออกหากิน และที่สำคัญ จะไม่อาศัยอยู่ร่วมกับตัวผู้ เพื่อหลีกเลี่ยงการแย่งอาณาเขต
สนใจอยากเลี้ยงตุ๊กแก มือใหม่ควรศึกษารายละเอียด ของแต่ละสายพันธุ์ เนื่องจากเป็นสัตว์หากินกลางคืน อาจรบกวนเวลานอนของเจ้าของ แต่ทั้งนี้ด้านที่พักอาศัย จะคล้ายกับการเลี้ยง แมงมุมทารันทูล่า ที่ต้องการพื้นที่หลบซ่อน การควบคุมความร้อน และความชื้น รวมถึงอาหารจำพวกแมลง หรือหนอนด้วยเช่นกัน
การพักอาศัยของตุ๊กแก สายพันธุ์แอฟริกัน ต้องการพื้นที่ค่อนข้างแคบ ไม่ต้องการพื้นที่เยอะ สามารถเลี้ยงอยู่รวมกันได้ ประมาณ 1 – 2 ตัว เท่านั้น แนะนำเป็นตู้ปลาขนาด 10 – 20 แกลลอน พร้อมตะแกรง หรือตาข่ายปิดด้านบน เพื่อไม่ให้ตุ๊กแกปีนออก ซึ่งตู้ปลาแบบกระจก จะทำความสะอาดได้ง่าย
ส่วนประกอบภายในตู้ มีโคมไฟควบคุมความร้อน วางอยู่บนฝา ควรมีอุณหภูมิความร้อน ประมาณ 32 องศาเซลเซียส สำหรับอุณหภูมิความเย็น ประมาณ 21 – 26 องศาเซลเซียส และระดับความชื้น ประมาณ 40 – 60% นอกจากนั้น ควรเตรียมที่หลบซ่อนตัว อย่างเช่น ถ้ำหิน หรือท่อนไม้ ที่มีความชื้นเล็กน้อยด้วย
อาหารของ Fat Tail Gecko เป็นสัตว์กินแมลง หลากหลายชนิดเป็นหลัก รวมถึงสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง ไม่ว่าจะเป็น จิ้งหรีด (ประมาณ 24 ตัว / สัปดาห์ โดยแบ่งเป็น 8 – 9 ตัว) แมลงเต่าทอง แมลงสาบ หนอนนก และหนอนขี้ผึ้ง ซึ่งหลังจากอิ่มท้องแล้ว ควรให้ผงแคลเซียม หรือวิตามินรวมเพิ่มเติม [2]
ราคาตามตลาด จำหน่ายสัตว์ประเภท Exotic จะถูกกำหนดจากฟาร์มขาย แตกต่างกันไป โดยส่วนมาก จะขึ้นอยู่กับเพศ ความยากง่ายในการผสมพันธุ์ หรือสายพันธุ์นำเข้า รวมถึงคุณภาพของตุ๊กแก สายพันธุ์นั้น ๆ ทั้งขนาด และสีสัน ว่ามีความสวยงาม และความแข็งแรงขนาดไหน
สำหรับราคาซื้อขาย ในประเทศไทย เริ่มต้นที่ราคา 2,000 – 15,500 บาท หรือหากเป็นตัวเมีย ตัวโตเต็มวัย พร้อมนำไปผสมพันธุ์ต่อ อาจขายเป็นคู่ หรือขาย 4 ตัว ราคาเริ่มต้นที่ 18,000 บาท [3] ซึ่งถ้าหากเป็นราคานำเข้าจากต่างประเทศ จะมีราคาตั้งแต่ 100 – 200 ดอลลาร์สหรัฐ (คิดเงินไทยประมาณ 3,670 – 7,340 บาท)
ตุ๊กแกหางอ้วน สัตว์เลี้ยงแปลกใหม่ หลายคนที่ชอบสัตว์ Exotic จะเป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน ด้วยนิสัยที่ไม่มีความดุร้าย ไม่กัดคน ทั้งยังสีสันสวยงาม หน้าตาน่ารัก เหมือนกำลังยิ้มตลอดเวลา ซึ่งวิธีการเลี้ยงดูแลค่อนข้างง่าย สามารถเลี้ยงได้ หากทำความเข้าใจกับสายพันธุ์ ราคาสามารถจับจอง เป็นเจ้าของกันได้สบาย