
นกกระยาง มิตรสหายของชาวนา นกที่ขึ้นชื่อว่า ไม่เป็นพิษภัย ต่อพื้นที่การเกษตร และแหล่งน้ำตื้น การดำรงชีวิตอย่างเรียบง่าย พบเห็นได้ทั่วไปทุกทวีป พาทุกคนมาสัมผัสนกยาง มีสายพันธุ์ไหนบ้าง ข้อเท็จจริงมากมาย ที่รู้แล้วต้องตกใจ และแนวทางการอนุรักษ์ ที่เกือบกลายเป็น สัตว์ปีกใกล้สูญพันธุ์
นกลุยน้ำขนาดใหญ่ ขนาดลำตัวความสูง ประมาณ 84 – 102 เซนติเมตร มีปีกกว้างถึง 150 เซนติเมตร และน้ำหนัก ประมาณ 900 – 1,360 กรัม โดยเป็นนกขายาว คอยาว (สามารถงอเป็นรูปตัว S) จะงอยปากยาว และหางสั้น สีขนส่วนมากเป็นสีขาวทั้งตัว หรือบางสายพันธุ์ มีสีขนน้ำตาลอ่อน สีเทาผสมสีดำ [2]
นกกระยางมีการจำแนกสายพันธุ์ ตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 19 และในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 โดยมีหนึ่งชนิดของโลกที่ใกล้สูญพันธุ์ จากการล่าขนนก เป็นจำนวนมาก เพื่อนำไปผลิตหมวก ของทางยุโรป และสหรัฐอเมริกา โดยพบในประเทศไทย เพียง 20 ชนิด มีดังนี้
อย่างที่ทราบกันแล้ว ว่านกกระยาง เป็นสัตว์ปีกอีกหนึ่งชนิด ที่มีการถูกล่าขนนกอย่างมาก ตั้งแต่ช่วง ปี ค.ศ. 1900 มนุษย์นิยมสะสมเสื้อผ้า และหมวกขนนกแฟชั่น โดยมีมูลค่ามากถึง 30 ดอลลาร์ / ออนซ์ ซึ่งสูงกว่าราคาทองคำ ช่วงเปลี่ยนศตวรรษ ประมาณ 2 เท่า ส่งผลให้เกิดการใกล้สูญพันธุ์ และ ยุติการล่าขนนก มาจนถึงปัจจุบัน
รวมข้อเท็จจริงทางนิเวศวิทยา ของนกกระยาง เรื่องจริงที่หลายคน อาจไม่เคยทราบมาก่อน ดังต่อไปนี้
ที่มา: Five Facts About Graceful Great Egrets [3]
นกยางถือว่าเป็น นกสัญลักษณ์แห่ง National Audubon Society ความสำเร็จของการอนุรักษ์นกลุยน้ำ ที่เคยเป็นนกถูกล่ามาก่อน ซึ่งแน่นอนว่า จากการล่าขนนกช่วงนั้น ทำให้ประชากรนกกระยาง ลดลงกว่า 95%
สำหรับในปัจจุบัน ได้รับการดูแลคุ้มครอง เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองทั่วโลก อยู่ในสถานภาพ ความกังวลน้อยที่สุด (Least Concern: LC) จากการประเมินความเสี่ยง ต่อการสูญพันธุ์ และมีประชากรเพิ่มมากขึ้น
นกกระยาง นกลุยน้ำขนาดใหญ่ ประเภท นกอพยพต่างถิ่น มีสีขนขาวสะอาดตา บางคนเรียกว่านกกระสา เพราะมีลักษณะภายนอกคล้ายกัน สามารถกินอาหารได้หลากหลาย พบเห็นได้ทั่วไป ตามหนองน้ำเค็ม และหนองน้ำจืด ของทุกทวีปทั่วโลก