
นกปากห่าง นกที่มีโอกาสพบเห็นง่าย ในพื้นที่เกษตรกรรม ออกหากินรวมกันเป็นฝูงใหญ่ อาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อม และแหล่งอาหารเหมาะสม รวมข้อมูลสำคัญต่าง ๆ ที่คนชอบศึกษานกควรรู้ หนึ่งในสัตว์ปีก ที่เป็นมิตรกับเกษตรกร ทั้งยังมีวิถีชีวิต เป็นประโยชน์มากมายอีกด้วย
นกน้ำขนาดใหญ่ มีขนเป็นสีเทาส่วนมาก โดยมีปีกกับหาง เป็นสีดำมันวาว เหลือบสีเขียวหรือสีม่วง จะงอยปากสีเทายาวแหลม ขาไม่ยาวมากเป็นสีชมพู หากมองจากระยะไกล จะคล้ายกับ นกกระสาสีขาว แต่ค่อนข้างเล็กกว่า ทั้งยังมีปีกกว้าง โดยมีความสูง ประมาณ 68 เซนติเมตร และ ขนาดความยาว 81 เซนติเมตร
อาหารและการหากิน เลือกกินหอยเป็นหลัก (หอยทาก หอยเชอรี่) พวกมันออกหากินกันเป็นฝูง ตามบริเวณแหล่งน้ำตื้น หนองบึง หรือพื้นที่ชื้นแฉะ โดยการเดินช้า ๆ พร้อมกับใช้ปลายจะงอยปาก จับเหยื่ออย่างมั่นคง และปลายขากรรไกรล่าง ดึงตัวหอยทากออกมา ซึ่งตัวโตเต็มวัย กินอาหารมากกว่า 386 กรัม / วัน
การกระจายพันธุ์นกปากห่าง พบเห็นแพร่หลาย ในประเทศไทย อินเดีย ศรีลังกา เนปาล บังกลาเทศ พม่า และ กัมพูชา โดยอาศัยอยู่ตาม พื้นที่เกษตรกรรม คลองชลประทาน มีการบินย้ายถิ่นข้ามประเทศ ตลอดทั้งปี ซึ่งการอพยพมักจะหลงทิศอยู่เสมอ ในช่วงที่มีเมฆมาก ของเดือนสิงหาคม – เดือนกันยายน
สำหรับการผสมพันธุ์ เกิดขึ้นในช่วงหลังฝนตก ของเดือนกรกฎาคม – เดือนกันยายน หรือในช่วงเดือนพฤศจิกายน – เดือนมีนาคม แล้วแต่ภูมิประเทศ โดยทั่วไปแล้วจะวางไข่ ประมาณ 2 – 4 ฟอง บนต้นไม้สูง 4.5 – 5 เมตร ร่วมกับนกกระสา หรือ นกกระทุง ใช้ระยะเวลาการฟักไข่ 24 – 29 วัน และออกมาเป็นลูกนก
นกน้ำปากห่าง สัตว์ปีกประเภท นกอพยพต่างถิ่น โดยเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองของไทย ตามพระราชบัญญัติ ปี พ.ศ. 2535 ห้ามมีการล่าสัตว์ การค้าขาย และการนำเข้าหรือส่งออก (ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 4 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท) และ สถานภาพเป็นกังวลน้อยที่สุด ต่อการถูกคุกคาม LC (ONEP, 2560)
เส้นทางการอพยพย้ายถิ่น ของนกปากห่าง ในไทยสมัยอดีต มีทิศทางตั้งแต่ ทิศตะวันตก – ทิศตะวันออก หรือจากประเทศอินเดีย บังกลาเทศ เข้ามายังในประเทศไทย กัมพูชา ระยะทางไม่น้อยกว่า 2,000 กิโลเมตร และใช้เวลาน้อยกว่า 1 เดือน โดยในปัจจุบัน กลายเป็นนกท้องถิ่น เนื่องจากว่ามีแหล่งอาหารอุดมสมบูรณ์ [2]
สำหรับจำนวนประชากร มีประมาณ 500,000 ตัว โดยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งการศึกษาพบว่า การทำรังวางไข่ ในไทยครั้งแรก ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2512 คือบทบาทสำคัญ ในการควบคุมทางชีวภาพ จากการกินหอยเชอรี่ ประมาณ 123 ตัว / วัน ดังนั้นนกปากห่าง 400,000 ตัว เท่ากับว่ากินหอยเชอรี่ 49,200,000 ตัว / วัน
นกป่าที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไป สำหรับในประเทศไทย นับว่าเป็นแหล่งอาศัยหลัก และการทำรังวางไข่ มีประชากรมากกว่า 90% ของนกปากห่างทั่วโลก ซึ่งมีคุณประโยชน์ ทางด้านเกษตรกรรม ดังต่อไปนี้
ที่มา: รู้จักนกปากห่างจากอพยพสู่นกประจำถิ่น [3]
นกปากห่าง นกลุยน้ำแห่งเอเชีย รูปร่างคล้ายกับนกกระสา แต่มีขนาดเล็กกว่า โดยถิ่นอาศัย และแหล่งอาหาร อยู่ในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ชอบกินหอยเป็นหลัก ทั้งยังมีประโยชน์อย่างมาก ทางด้านการเกษตร สามารถปรับตัวเข้ากับระบบนิเวศได้ดี และ มีแนวโน้มประชากรเพิ่มมากขึ้น