เจาะลึกข้อมูล นกพัฟฟิน นกดำน้ำลึกจับปลาเก่ง

นกพัฟฟิน

นกพัฟฟิน เจ้านกน้อยตัวกลม น่ารักน่าเอ็นดู แห่งมหาสมุทรแปซิฟิก และ มหาสมุทรแอตแลนติก พาทุกคนมาตามติด ชีวิตของพัฟฟินหลายสายพันธุ์ หนึ่งในนกประเภท สัตว์ปีกสวยงาม หน้าตาเป็นเอกลักษณ์ ความสามารถพิเศษมากมาย มาเรียนรู้ชีวิต พฤติกรรมต่าง ๆ การหาอาหาร และ อัตราการเสี่ยงสูญพันธุ์

ทำความรู้จัก นกพัฟฟิน นกทะเลแสนน่ารัก

นกพัฟฟิน (Puffin) นกทะเลขนาดเล็ก จัดอยู่ในสกุล Fratercula ประกอบด้วย 3 สายพันธุ์ คือ นกพัฟฟินแอตแลนติก นกพัฟฟินเขา และ นกพัฟฟินหางยาว ต้นกำเนิดและแหล่งอาศัย อยู่ทางตอนเหนือ ของมหาสมุทรแปซิฟิก และ ทางตอนเหนือ ของมหาสมุทรแอตแลนติก

ได้รับการแนะนำสายพันธุ์ โดยนักสัตววิทยาชาวฝรั่งเศส ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2303 ซึ่งสายพันธุ์แอตแลนติก เป็นชนิดต้นแบบของนกพัฟฟิน ทั้งยังมีการค้นพบฟอสซิลโบราณ ย้อนไปตั้งแต่ยุคอีโอซีนตอนปลาย แสดงให้เห็นถึงการมีอยู่ มานับหลายล้านปี และความหลากหลายของสายพันธุ์ ที่มีมากกว่าในปัจจุบัน [1]

อธิบายภาพลักษณ์ นกพัฟฟิน

ลักษณะเป็นนกขนาดเล็ก มีรูปร่างเตี้ย หรืออ้วนกลม ปีกและหางค่อนข้างสั้น ส่วนบนของตัว เป็นสีดำ ส่วนล่างของตัว เป็นสีขาว หรือสีเทาน้ำตาล และในช่วงฤดูผสมพันธุ์ เท้าและปากจะเป็นสีส้มแดง ซึ่งในช่วงปกติ จะเป็นแค่สีดำผสมขาว โดยแต่ละสายพันธุ์ มีลักษณะทางกายภาพ แตกต่างกัน ดังต่อไปนี้

  • พัฟฟินแอตแลนติก : ขนาดความยาวลำตัว 32 เซนติเมตร ปีกกว้าง 53 เซนติเมตร และน้ำหนัก ประมาณ 380 กรัม อยู่ในกลุ่มสัตว์ เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์
  • พัฟฟินเขา : ความยาวลำตัวขนาด 38 เซนติเมตร ปีกกว้างขนาด 58 เซนติเมตร และน้ำหนักตัว ประมาณ 620 กรัม อยู่ในกลุ่มสัตว์ ความเสี่ยงน้อยที่สุด ต่อการสูญพันธุ์
  • พัฟฟินหางยาว : หรือเรียกว่า พัฟฟินหงอน มีขนาดความยาว 38 เซนติเมตร ปีกค่อนข้างกว้าง ประมาณ 63.5 เซนติเมตร และมีน้ำหนักมากถึง 780 กรัม อยู่ในกลุ่มสัตว์ ความเสี่ยงน้อยที่สุดเช่นกัน

พฤติกรรมกับความสามารถพิเศษ

พฤติกรรมนกทะเลผิวน้ำ ชอบอยู่รวมกันเป็นหมู่คณะ ตามหน้าผาริมชายฝั่งทะเล และส่งเสียงดังคุยกัน ความสามารถพิเศษ มักหาอาหาร จากการดำน้ำลึก 60 เมตร อยู่ใต้น้ำได้นานกว่า 20 – 30 นาที สามารถบินเหนือน้ำได้ ในระดับที่สูง 10 เมตร หากเทียบกับนกทะเลชนิดอื่น ที่บินได้เพียง 1.6 เมตร

ในส่วนของปีกนก สามารถว่ายทวนน้ำ บังคับทิศทางได้ แต่อาจไม่ชำนาญเท่า นกเพนกวิน โดยขยับปีกได้มากกว่า 300 – 400 ครั้ง / นาที ด้วยความเร็วที่ 88 กิโลเมตร / ชั่วโมง สำหรับพฤติกรรมการผสมพันธุ์ เป็นสัตว์มีคู่ครองเดียวตลอดชีวิต และมีบ้านหลังเดียว ไม่เปลี่ยนสถานที่อีกด้วย ซึ่งพัฟฟินจะผสมพันธุ์ และวางไข่เพียงปีละ 1 ครั้ง ครั้งละ 1 ฟอง เท่านั้น [2]

นกพัฟฟิน การดำรงชีวิตจากอดีตสู่ปัจจุบัน

นกพัฟฟิน

นกสวยงาม แห่งภูมิภาคอากาศหนาว ส่วนมากอยู่ในประเทศไอซ์แลนด์ ซึ่งมีประชากรหนาแน่นที่สุดในโลก แต่จะพบเจอได้ในช่วง ปลายเดือนเมษายน – เดือนสิงหาคม โดยในปัจจุบันนกพัฟฟิน มีประชากรลดลง จากการล่าสัตว์ การทำลายถิ่นที่อยู่ และ จากการนำไปประกอบอาหาร ที่เกิดขึ้นตั้งแต่สมัยอดีต

การหาอาหารของ นกพัฟฟิน

นกพัฟฟินกินปลา และแพลงก์ตอนสัตว์ เป็นอาหารหลัก สามารถจับปลาขนาดเล็ก ได้มากกว่า 10 ตัว / เที่ยว ซึ่งจุดเด่นในการหาอาหาร ด้วยการอุ้มปลา ไขว้กันอยู่ในปากได้หลายตัว ช่วยให้หาอาหาร ได้นานมากขึ้น แน่นอนว่าดีกว่านก ที่อุ้มปลาได้แค่ตัวเดียวต่อครั้ง โดยพฤติกรรมการกักตุน ครั้งละมาก ๆ เกิดจากจะงอยปาก ที่พับลงไม่เหมือนใคร ทำให้ขอบปาก มาบรรจบกันที่มุมแบบพอดี

แนวโน้มพัฟฟินเสี่ยงสูญพันธุ์ เกิดจาก?

สัตว์ปีกสวยงาม กำลังเสี่ยงสูญหายไปจากศตวรรษนี้ โดยนกพัฟฟินก็เป็นหนึ่งในนั้น รวมถึงนกทะเลชนิดต่าง ๆ อันเนื่องมาจากแหล่งอาหาร หายากมากขึ้น จากสภาพภูมิอากาศแปรปรวน หรือโลกร้อน ส่งผลกระทบโดยตรง ต่อสัตว์ในที่อยู่อาศัยแถบหนาวเย็น

ซึ่งนักวิจัยจากสมาคมสัตววิทยา คาดการณ์ว่า นกเรเซอร์บิล และ นกนางนวลอาร์กติก จะต้องสูญเสียแหล่งเพาะพันธุ์ 80 – 87% เพราะการเข้าถึงอาหารลดลง สภาพอากาศเป็นพายุ และยากต่อการสืบพันธุ์ จึงเกี่ยวข้องกับการหา แหล่งเพาะพันธุ์ใหม่ ของนกพัฟฟิน โดยการหลอกล่อให้บินไปยัง แท่นวางไข่ที่สร้างขึ้น

โดยนกเหล่านั้น มีความสำคัญต่อระบบนิเวศ อยู่รอดได้ด้วยอาหารในทะเล และการผสมพันธุ์บนบก หากนกพัฟฟิน และนกทะเลชนิดอื่น เริ่มลดลงอย่างต่อเนื่อง นั่นหมายความว่า ส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น และการอนุรักษ์สายพันธุ์ ในธรรมชาติอีกมากมาย [3]

สรุป นกพัฟฟิน “Puffin”

นกพัฟฟิน สุดยอดนักว่ายน้ำ และดำน้ำลึกยอดเยี่ยม สามารถจับปลาได้เก่งกาจ กักตุนอาหารในปาก ได้มากกว่านกสายพันธุ์อื่น เรียกว่าเป็นนกทะเล ที่มีความสามารถพิเศษรอบด้าน พบเห็นบ่อยในแถบภูมิภาคอากาศหนาวเย็น บริเวณมหาสมุทร หนึ่งในนกสำคัญกับระบบนิเวศ ทั้งทางบก และทางทะเล

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง