คู่มือดูแล นกหงส์หยก นกเลี้ยงง่ายรักสวยรักงาม

นกหงส์หยก

นกหงส์หยก สมาชิกตัวเล็กตัวน้อย ของตระกูลนกแก้ว หนึ่งในนกเลี้ยงเพื่อความสวยงาม เป็นมิตร น่ารัก เลี้ยงดูแลง่าย สามารถฝึกฝนการเลียนแบบเสียงได้ดี เหมาะกับมือใหม่หัดเลี้ยงนก หรือคนรักนกทั่วไป เลี้ยงง่ายในบ้านหรือคอนโด มีสายพันธุ์ไหนน่าสนใจบ้าง และราคาแพงไหม เรามีคำตอบ

นกหงส์หยก นกเลี้ยงง่ายจากออสเตรเลีย

นกหงส์หยก (Parakeet, Budgerigar) นกแก้วขนาดเล็ก ชนิดนกปากขอ จัดอยู่ในวงศ์ Psittacidae มีสีสันและลวดลายสวยงาม จากแหล่งกำเนิดดั้งเดิม ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งมีชื่อเรียกกันว่า Budgie เดิมทีเคยอยู่ในจำพวกของ นกเลิฟเบิร์ด แต่ในปัจจุบันถูกจัดให้อยู่กันคนละจำพวก ในสกุลของ Melopsittacus โดยนักวิทยาศาสตร์ ชาวอังกฤษ ที่ศึกษาเกี่ยวกับธรรมชาติวิทยา ตั้งแต่ 100 กว่าปีก่อนแล้ว [1]

ลักษณะภาพลักษณ์ทั่วไป

นกสวยงาม ขนาดเล็กมากที่สุด มีความยาวของลำตัว ประมาณ 18 – 20 เซนติเมตร น้ำหนักเฉลี่ย 30 – 40 กรัม และความกว้างของปีก 30 เซนติเมตร โดยส่วนมากมีขนเป็นสีเขียว ปีกเป็นลวดลายสีดำ มีจุดตามลำคอกับแก้มทั้ง 2 ข้าง ส่วนหัวและคอเป็นสีน้ำเงิน และใต้ท้องเป็นสีเหลือง อายุขัยประมาณ 10 – 15 ปี

นิสัยและพฤติกรรม เป็นนกที่ค่อนข้างฉลาด เหมือนกับแก้วขนาดใหญ่บางสายพันธุ์ สามารถเรียนรู้ ฝึกพูดได้หลายคำ จดจำคำสั่งสอนจากเจ้าของได้ดี ไม่ค่อยส่งเสียงดังรบกวน ซึ่งชอบอยู่รวมกันเป็นฝูงใหญ่ มีนิสัยรักสะอาด ชอบแต่งขน จึงมักส่องกระจกอยู่เป็นประจำ โดยรวมแล้ว เป็นนกแก้วที่เลี้ยงดูแลง่าย

สายพันธุ์น่าสนใจของ นกหงส์หยก

สายพันธุ์ของหงส์หยก ค่อนข้างมีหลากหลาย จากการนำไปเลี้ยงในประเทศต่าง ๆ จนมีการพัฒนาสายพันธุ์ใหม่ ลักษณะแตกต่างกันออกไป ตามแหล่งอาศัยของภูมิประเทศ โดยแบ่งเป็น 2 สายพันธุ์หลัก ดังต่อไปนี้

  • สายพันธุ์ฮอลแลนด์ : นกขนาดเล็ก กะทัดรัด สามารถออกลูกได้ดี และมีราคาซื้อขายไม่แพง
  • สายพันธุ์อังกฤษ : นกขนาดใหญ่ รูปร่างหนา บึกบึน เป็นสายพันธุ์นกแก้วแท้ เกิดการผสมอย่างมากมาย โดยมีราคาค่อนข้างสูง และถูกนำเข้ามาจากหลายประเทศ อย่างเช่น อังกฤษ สวิตเซอร์แลนด์ เยอรมนี เบลเยียม เป็นต้น

โดยทั่วไปแล้วสีสันของหงส์หยก ในป่าธรรมชาติ จะมีอยู่ไม่กี่สีเท่านั้น ทั้งสีเขียวหรือสีเหลือง ซึ่งในปัจจุบันนิยมนำมาเป็นสัตว์เลี้ยง เกิดการผสมข้ามสายพันธุ์ เป็นสีหายากมากมาย แบ่งเป็น 7 สายพันธุ์ย่อย ดังนี้

  • สายพันธุ์หงส์หยกสีดำ (Anthracite) : สีหายากมากที่สุด โดยมีขนสีดำทั้งตัว เกิดจากการผสมพันธุ์ ในประเทศเยอรมนี อาศัยอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง และต้องนำเข้าจากประเทศโดยตรงเท่านั้น
  • สายพันธุ์หงส์หยกสีม่วง (Violet) : สีหายากรองลงมาจากสีดำ ลักษณะเหมือนหงส์หยกทั่วไป แต่บริเวณลำตัวจะมีขนเป็นสีม่วง เกิดจากการผสมพันธุ์ ของสายพันธุ์สีเขียวกับสีน้ำเงิน
  • สายพันธุ์หงส์หยกสีขาว หรือสีเหลือง (Lacewing) : นกสีขาวล้วน หรือสีเหลืองล้วน ดวงตาสีแดง เกิดจากการผสมพันธุ์ระหว่าง หงส์หยกลูติโน่ กับหงส์หยกอัลบิโน่ จึงไม่มีเม็ดสีเมลานิน ส่งผลให้ส่วนขน กลายเป็นสีขาว หรือสีเหลืองทั้งตัว
  • สายพันธุ์หงส์หยกสีรุ้ง (Rainbow) : มีหลากหลายสีในตัวเดียว เกิดจากการผสมพันธุ์ของสีฟ้า สีม่วง และสีเหลือง ลักษณะเป็นสีโทนอ่อน และแต่ละสีกลมกลืนไปด้วยกัน
  • สายพันธุ์หงส์หยกแบ่งครึ่ง (Half-Sider) : การแยกสีถูกแบ่งเป็น 2 ฝั่งชัดเจน จากกึ่งกลางของตัวนก โดยครึ่งหนึ่งเป็นสีเขียว ส่วนอีกครึ่งหนึ่งเป็นสีฟ้า เกิดจากความผิดปกติของสายพันธุ์
  • สายพันธุ์หงส์หยกปีกดำ (Blackwing) : ลวดลายของปีกเป็นสีดำเข้ม มีจำนวนประชากรน้อยมากในโลก และนิยมนำเข้ามาขาย กับคนเฉพาะกลุ่ม ซึ่งมีราคาแพงมากที่สุด

 

นกหงส์หยก แนวทางเลี้ยงฉบับมือใหม่

นกหงส์หยก

อยากเป็นเจ้าของหงส์หยกไม่ยาก เป็นสัตว์เลี้ยงแสนรัก ที่ค่อนข้างเลี้ยงง่าย กินพืชเป็นอาหาร สำหรับคนที่ต้องการเลี้ยง เพื่อความสวยงาม ไม่แนะนำให้เลี้ยงร่วมกับ สุนัขหรือแมว ทั้งยังแนะนำให้เลี้ยงนกแบบเป็นคู่ จะดีกว่าตัวเดียว เพราะเป็นสัตว์เข้าสังคม เพื่อให้นกไม่เหงา มีสุขภาพดีทั้งกายและใจอีกด้วย

การเลี้ยงดูแลและอาหาร นกหงส์หยก

กรงอยู่อาศัยของนก ควรมีขนาดใหญ่ เพียงพอต่อการบินโดยไม่ชนกรง หากเลี้ยงเพียงตัวเดียว แนะนำเป็นขนาดกรงอย่างน้อย 18.5 x 18.5 x 18.5 inch อยู่ในพื้นที่เปิดโล่ง สะอาด ตกแต่งด้วยคอนเกาะไม้ 2 แฉก เชือกจากธรรมชาติ สะพานไม้ อ่างอาบน้ำ และกระจก เพื่อลดความเครียด และสามารถออกกำลังกายได้

อาหารสำหรับหงส์หยก คือ อาหารนก และเมล็ดพืชเป็นหลัก ควรให้ในปริมาณ 70% ของอาหารทั้งหมด และควรให้อาหารเสริม ประเภทผักกับผลไม้สด อย่างเช่น ผักคะน้า แครอท ผักเคล หัวบีท ถั่วลันเตา ส้มแมนดาริน หรือผลไม้มีรสเปรี้ยว เป็นต้น รวมถึงเปลี่ยนน้ำสะอาด เป็นประจำทุกวัน [2]

ชี้แจงราคา นกหงส์หยก ถูกถึงแพง!

นกแก้วหงส์หยก สัตว์ปีกสวยงาม ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ทั้งในและต่างประเทศ สามารถหาซื้อได้ตามตลาดสัตว์เลี้ยงทั่วไป มีการพัฒนาสายพันธุ์ สีสัน ลวดลายมากมาย โดยสายพันธุ์ที่ทั่วโลกนิยม เป็นหงส์หยกขนาดใหญ่ คือ สายพันธุ์อังกฤษ (English Budgerigar) ราคาประมาณ 1,000 – 50,000 บาท / ตัว

สำหรับราคาหงส์หยกในไทย สามารถซื้อง่ายขายคล่อง โดยกลุ่มสีดั้งเดิม (นกสีเขียวหรือสีเหลือง) จะมีราคาถูกที่สุด เริ่มต้นประมาณ 100 – 150 บาท / ตัว หากเป็นกลุ่มสียอดนิยม หรือสีหายาก จะมีราคาสูงขึ้น ยกตัวอย่าง กลุ่มสี Texas Clear Body Budgie ราคาตกตัวละ 2,000 – 5,000 บาท

ส่วนกลุ่มสีหน้าเหลือง ราคาเริ่มต้นตัวละ 500 – 1,500 บาท ส่วนกลุ่มสีรุ้ง ราคาตัวละประมาณ 1,000 – 3,000 บาท และกลุ่มสีฟอลโล่ ราคาตัวละ 1,000 – 5,000 บาท ทั้งยังมีกลุ่มหงส์หยก สายพันธุ์สีพัฒนา คือ กลุ่มสี FB ราคาตั้งแต่ 1,000 บาท และกลุ่มสีตาแดง เริ่มต้นตัวละ 5,000 บาทขึ้นไป [3]

สรุป นกหงส์หยก “Parakeet”

นกหงส์หยก นกแก้วตัวเล็กน่ารัก สีสันสวยงามหลากสายพันธุ์ รักสวยรักงามเป็นชีวิตจิตใจ นิยมเลี้ยงในบ้าน หรือคอนโดก็สะดวก ตัวเลือกของคนอยากเลี้ยงนกง่าย ๆ สามารถหาซื้อได้ตามร้านค้าสัตว์เลี้ยงทั่วไป ราคาเริ่มต้นเพียง 100 บาท ไปจนถึงราคาแพงหลักหมื่น

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง