
สัตว์น้ำสวยงามน้ำเค็ม ปลาหลากหลายสายพันธุ์ ที่ได้รับความชื่นชอบมาก ซึ่งได้แก่ ปลาออเรนจ์โชวเดอร์, ปลาเทนเนนติแทงก์, ปลาผีเสื้อพระจันทร์, ปลาผีเสื้อเซมิ, ปลาโนรีครีปยาว และ ปลาทูทอง อีกทั้ง สามารถพบเห็นได้ยากหรือง่าย วันนี้เราจะมานำเสนอ ความสำคัญของปลาสวยงาม แนวทางอนุรักษ์ หรือข้อมูลที่สำคัญต่างๆ ให้ผู้เลี้ยงปลาทั้งหลายได้ทราบกัน
สัตว์น้ำสวยงามน้ำเค็ม (Beautiful saltwater fish) สัตว์เลี้ยงบางชนิด พบเจอได้ยาก หรือหลงเหลือน้อยมาก ทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศ โดยเป็นปลาที่อาศัยอยู่ในน้ำทะเล ปลาทะเลสามารถว่ายน้ำ และอาศัยอยู่คนเดียว หรืออยู่รวมกันเป็นกลุ่มใหญ่ ที่เรียกว่ารวมกันเป็นฝูง
โดยปลาน้ำเค็มนั้น มักถูกเลี้ยงไว้ในตู้ปลา เพื่อความสวยงาม และปลาจำนวนมาก ยังถูกจับมารับประทาน หรือเพาะเลี้ยงเป็นส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตาม ปลาหลายสายพันธุ์ ยังถูกจับมากเกินไป และถูกคุกคาม โดยมลภาวะทางทะเล หรือการเปลี่ยนแปลง ทางระบบนิเวศ ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลง ของสภาพภูมิอากาศ อีกด้วย [1]
ซึ่งในทุกวันนี้ ปลาพันธุ์น้ำเค็ม ซึ่งปลาที่อาศัยอยู่ ในมหาสมุทร อาจเป็นสัตว์กินเนื้อ กินพืช หรือสัตว์กินทั้งพืชและสัตว์ พวกมันเป็นสัตว์น้ำกินพืช ในมหาสมุทรกินสิ่งต่างๆ อาทิเช่น สาหร่าย ดอกไม้ทะเล อาหารของสัตว์กินพืชหลายชนิด ด้วยปลาทะเลส่วนมาก จะกินสาหร่ายเป็นหลัก
ปลาน้ำเค็มส่วนใหญ่ จะกินทั้งสาหร่ายขนาดใหญ่ และสาหร่ายขนาดเล็ก ปลาหลายชนิดกินสาหร่าย ได้แก่ สีแดง เขียว น้ำตาล และน้ำเงิน แต่ปลาบางชนิดชอบสาหร่ายบางชนิด ปลาทะเลส่วนใหญ่ ที่เป็นสัตว์กินเนื้อจะไม่กินสาหร่าย ไม่ว่าในกรณีใดๆ ก็ตาม อาหารของสัตว์กินเนื้อ ประกอบด้วยกุ้ง แพลงก์ตอน หรือสัตว์จำพวกกุ้งขนาดเล็ก [2]
การอนุรักษ์ปลาสวยงามนั้น นับว่าเป็นความจำเป็น ของปลาหลากหลายชนิดทั่วโลก ซึ่งปลาทะเลที่ผลิตในบ้านเรา ที่ได้รับความชื่นชอบเป็นอย่างมาก ทั้งในตลาดต่างประเทศ เนื่องจากปลาน้ำเค็ม ไม่ใช่สัตว์น้ำชนิดเดียวเท่านั้น ที่เลี้ยงไว้ให้นักเลี้ยงปลา ที่มีความกระตือรือร้น
และได้พัฒนาวิธีการขยายพันธุ์ปะการัง จากเศษปะการังจนชำนาญ สำหรับผู้ที่รู้ดีอยู่แล้วว่า “เศษปะการัง” เหล่านี้ คือปะการัง ที่มีบรรพบุรุษจากอดีต ที่เก็บมาจากมหาสมุทร เมื่อปะการังเติบโต ในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแล้ว ปะการังจะถูกตัด เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เพื่อใช้ในการขยายพันธุ์ใหม่ [3]
สำหรับการเลี้ยงปลานั้น มีหลากหลายปัจจัย ที่ต้องควบคุม อย่างเช่นคุณภาพของน้ำ ถือเป็นสิ่งสำคัญ ต่อสัตว์เลี้ยงของทุกท่าน โดยสามารถเจริญเติบโต ตามวิวัฒนาการอย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากหากผู้เลี้ยง เป็นคนที่มีความเอาใจใส่ อย่างสม่ำเสมอ และมีความชื่นชอบมากของบุคคล
เนื่องจากการเลี้ยงปลา ต่างจากการเลี้ยงปลาน้ำจืดอย่างมาก คนเลี้ยงควรจำเป็นต้อง มีการควบคุมสภาวะแวดล้อมให้เหมาะสม กับสภาพแวดล้อมจริง ที่ปลาน้ำเค็มอาศัยอยู่ หากใครสนใจเลี้ยงปะการังควบคู่ ด้วยก็จะยิ่งเพิ่มความยาก ในการเลี้ยงตามชนิด หรือพันธุ์ของปะการัง ทำให้เงื่อนไขในการดูแล เพิ่มมากขึ้นตามลำดับ
สำหรับค่าของน้ำนั้น ที่เหมาะสมกับการเลี้ยงปลาประเภทนี้ จะอยู่ราวประมาณ 8.0 ถึง 8.6 ซึ่งค่า pH นั้นจะเกิดการเปลี่ยนแปลง อยู่สม่ำเสมอ ตัวแปรหลักที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ซึ่งอาจมาจากสาหร่าย แพลงก์ตอน และปะการังหลากหลายชนิด ที่มีการนำก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ที่ปลาหายใจออกมา ไปใช้ในการสังเคราะห์แสง
และเปลี่ยนเป็นก๊าซออกซิเจน หรือ (O2) ทำให้ค่า pH สูงขึ้นในช่วงกลางวัน ส่วนในช่วงกลางคืน ทั้งพืชและสัตว์ จะแข่งกันหายใจ ที่เอาก๊าซ O2 และก๊าซ CO2 ออกมาส่งผลให้ค่า pH ในช่วงเวลานั้นต่ำลง สำหรับตู้เลี้ยงปลาใหม่ค่า pH จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันมาก
ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีสิ่งมีชีวิตใด สามารถอาศัยอยู่ได้อย่างแน่นอน แต่สำหรับอุณหภูมิในบ้านเรา ช่วงกลางวันจะอยู่ที่ 32-34 องศา ส่วนในช่วงกลางคืน อุณหภูมิลงไปถึง 25-28 องศา จะเห็นได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิน้อยมาก เช่นเดียวกับน้ำในตู้ใหม่
จึงเป็นการเสี่ยงอันตราย หากปล่อยปลาทะเลลงตู้ใหม่ หากต้องการจะเลี้ยงทันที ให้เดินระบบไว้ก่อนประมาณ 1 เดือน หรือเป็นตู้เดิมที่เลี้ยงมาแล้ว 6 เดือนหรือ 1 ปี ค่า pH จะค่อนข้างคงที่เราเรียกว่า ความเสถียรของน้ำ นั่นเอง
ประเภทของปลา พบเจอได้ง่าย และยากทั้งในไทย และอีกหลายประเทศ มีดังต่อไปนี้
ปลาน้ำเค็มปัจจุบัน จัดเป็นปลาสวยงามยอดนิยม ที่พบเห็นได้เยอะมาก ในประเทศไทย รวมถึงต่างประเทศ โดยปลาทะเลเป็นเหล่าสายพันธุ์ ที่ชื่นชอบกันเยอะมาก แถมยังเป็นสัตว์น้ำที่เลี้ยงได้ง่ายหรือยาก ขึ้นอยู่กับชนิดของปลา หรือหลายคนอยากเลี้ยง เอาไว้ตามมุมต่างๆ ที่ท่านชอบอีกด้วย