
เต่าซูลคาต้า ฉายาเจ้าเต่ายักษ์แห่งทะเลทราย อาจฟังดูน่าเกรงขาม สำหรับใครหลายคน แต่เชื่อหรือไม่ว่า น้องเต่าสายพันธุ์นี้ มีความเป็นมิตรกับคนสูง ทั้งยังสามารถเลี้ยง ฝึกให้จดจำเสียงเจ้าของได้ดีด้วย นับว่าเป็นหนึ่งในสัตว์เลี้ยงในบ้านยอดนิยม ที่คนให้ความสนใจกันมากในปัจจุบัน
เต่าซูลคาต้า (Sulcata Tortoise) หรือเรียกอย่างทางการว่า เต่าหนามทะเลทราย (African Spurred Tortoise) คนส่วนใหญ่เรียกกันว่า “เต่ายักษ์” เป็นสัตว์เลื้อยคลาน ประเภทเต่าบก จัดอยู่ในสกุล Centrochelys แหล่งอาศัยอยู่ทางตอนใต้ ในทะเลทรายซาฮารา ทวีปแอฟริกา โดยมีลักษณะขนาดใหญ่ยักษ์ เป็นอันดับ 3 ของโลก รองลงมาจาก เต่ากาลาปากอส และเต่าอัลดาบรา [1]
เต่าบกมีกระดองขนาดใหญ่ เปลือกแข็ง นูนสูง ลักษณะเป็นกระดองแบนราบ ในวัยแรกเกิดหรือวัยเด็ก จะมีลำตัวเป็นสีขาว จนถึงลำตัวสีเหลืองน้ำตาล หากเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น หรือวัยเจริญพันธุ์ จะพัฒนาเป็นสีน้ำตาล และสีเหลืองอย่างชัดเจน ทั้งยังมีขา 4 ข้าง ค่อนข้างแข็งแรง โดยเฉพาะขาหน้า มีเกล็ดขนาดใหญ่
สำหรับตัวโตเต็มวัย จะมีความยาว ของกระดอง 57 – 86 เซนติเมตร มีความยาวลำตัว มากกว่า 91 – 120 เซนติเมตร และน้ำหนักตัว มากกว่า 90 – 105 กิโลกรัม แต่หากเป็นลูกฟัก จะมีขนาดตัวค่อนข้างเล็ก ความยาวลำตัวเพียง 10 เซนติเมตร เท่านั้น และสามารถมีอายุขัย ได้ยืนยาวมากถึง 70 – 100 ปี
ซูลคาต้า นับว่าเป็นสัตว์ที่ค่อนข้างเป็นมิตร สามารถเข้ากับคนได้ง่าย แม้ว่าหน้าตา ท่าทางจะดูดุร้ายก็ตาม พวกมันเป็นเต่า ที่มีความว่องไว ไม่เชื่องช้าเหมือนเต่าทั่วไป เพราะมีนิสัยชอบสำรวจสิ่งแวดล้อม มีทักษะในการจดจำ และการตอบสนอง กับเสียงของเจ้าของ ได้เป็นอย่างดี
พฤติกรรมตามธรรมชาติ มักชอบรวมตัวกัน เป็นกลุ่มเล็ก ๆ อยู่ในป่า แต่แน่นอนว่า สามารถนำมาเลี้ยงในบ้านได้ แต่ไม่แนะนำให้เลี้ยง ตัวผู้รวมกันหลายตัว เพราะอาจมีพฤติกรรมก้าวร้าวได้ และนอกจากนั้น ยังมีพฤติกรรมชอบขุดดิน เพื่อรักษาความชุ่มชื้น และต้องการอาบแดด ในบางช่วงเวลาอีกด้วย
การผสมพันธุ์ของซูลคาต้า เกิดขึ้นในช่วงเดือนกันยายน – เดือนพฤศจิกายน (ช่วงหลังฤดูฝน) โดยการผสมพันธุ์มักเกิดขึ้นตอนเช้า โดยตัวผู้จะมีความหวง อาณาเขตเป็นอย่างมาก และมักต่อสู้กัน เพื่อแย่งชิงสิทธิ์ในการผสมพันธุ์กับตัวเมีย ซึ่งตัวผู้ที่มีขนาดตัวใหญ่กว่า กระดองแข็งแรงกว่า จะเป็นฝ่ายชนะเสมอไปทุกครั้ง
เปิดประสบการณ์อันน่าตื่นเต้น กับการเลี้ยงเต่ายักษ์ซูลคาต้า เต่าที่มีขนาดใหญ่มาก และอายุยืนยาว อาจมากกว่าอายุของคนเสียอีก อยากเลี้ยงต้องเตรียมตัวอย่างไร กินอาหารประเภทไหน รับผิดชอบการดูแลด้านไหนบ้าง รวมถึงรายละเอียดราคา จากฟาร์มเต่ายักษ์ มาติดตามกันเลย
เริ่มต้นเลี้ยงเต่าซูลคาต้า ด้วยสถานที่กว้างพอเหมาะ สำหรับการเดินสำรวจ นอนอาบแดด (14 ชั่วโมง / วัน) พื้นที่ดินทราย และพื้นที่ร่มเงา ให้หลบซ่อนตัว ซึ่งเต่าจะใช้เวลากว่า 85% ในแต่ละวัน สำหรับการขุดดิน จำเป็นต้องมีวัสดุรองพื้น เช่น หญ้าทิโมธี หรือไม้แห้ง ควรเป็นพื้นที่ระบายความร้อนได้ดี และแห้งสะอาด
การควบคุมอุณหภูมิ ควรจัดให้อยู่ในสภาพ ภูมิอากาศอบอุ่นร้อน ไม่แนะนำให้มีพื้นที่เปียกชื้น หรือหนาวเย็น โดยอุณหภูมิที่เหมาะสม 29 – 30 องศาเซลเซียส และต้องระวังเป็นพิเศษ หากเลี้ยงอยู่ในอุณหภูมิ ประมาณ 32 – 37 องศาเซลเซียส เพราะอาจเกิดสภาวะขาดน้ำ และเบื่ออาหารได้ง่าย
อาหารมีความสำคัญ ต่อการเจริญเติบโต โดยเน้นอาหารเยื่อใยสูง คือ หญ้าเป็นหลัก 75% และ ผักใบเขียว หรือผลไม้ 25% ซึ่งควรกินตามช่วงอายุ โดยอายุ 0 – 6 เดือน กินอาหาร 1 ส่วน 4 ถ้วย / วัน ส่วนอายุ 6 – 12 เดือน กินอาหาร 1 ส่วน 4 หรือ 1 ส่วน 2 ถ้วย / วัน และเต่าอายุมากกว่า 1 ปีขึ้นไป ต้องกินอาหาร มากกว่า 1 ถ้วย / วัน พร้อมน้ำสะอาด วางไว้ตลอดเวลา [2]
ราคาการซื้อขายจากฟาร์มเต่า ถูกแบ่งราคาตามช่วงอายุ เริ่มต้นขายเต่าอายุ 8 เดือน ราคาตั้งแต่ 890 – 1,000 บาท / ตัว และเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น แยกตามลวดลาย บนกระดอง และขนาดความใหญ่ จะมีราคาสูง ประมาณ 8,000 บาท / ตัว หรือหากเป็นตัวเต็มวัย พร้อมสำหรับการผสมพันธุ์
มีราคาเฉลี่ย 30,000 บาท / ตัว และเต่าอายุ 5 – 6 ปี พร้อมผสมพันธุ์ อาจมีราคาสูงมากขึ้นถึง 250,000 บาท เนื่องจากว่าซูลคาต้า เป็นเต่ามีกระดอง ตามตำราความเชื่อของชาวจีน ว่าเป็นสัตว์นำโชค นำพามาซึ่งความร่ำรวยเงินทอง มาตั้งแต่สมัยโบราณ จึงสามารถทำราคาสูงได้ มากถึงหลักแสน [3]
เต่าซูลคาต้า อยากเลี้ยงไม่ใช่เรื่องยาก แต่ต้องแน่ใจก่อนว่า สามารถเลี้ยงเต่าสายพันธุ์นี้ ไปได้ตลอดอายุขัย ที่ยาวนานกว่า 70 – 100 ปี ซึ่งก็ไม่แตกต่างกันมากนักกับ เต่าแก้มแดง เพราะเต่าคือสัตว์ที่มีอายุยืน อย่างน้อยก็อายุ 30 – 50 ปี จึงเหมาะกับคนที่มีใจรักอย่างแท้จริง เลี้ยงให้มีสุขภาพแข็งแรง และมีความสุขได้