
เหยี่ยวแดง สุดยอดนักล่า แห่งท้องนภา หนึ่งในนกแรปเตอร์ (Raptors) ด้วยความสามารถการล่าสัตว์ สายตาเฉียบคม จับเหยื่อด้วยความเร็ว จากระยะไกล ขาและกรงเล็บแข็งแรง ทั้งยังมีรูปลักษณ์สวยงาม โดดเด่นกว่าสายพันธุ์อื่น พามาเรียนรู้การจำแนกสายพันธุ์ พฤติกรรมต่าง ๆ และพิกัดชมนก
เหยี่ยวแดง (Brahminy Kite) หรือที่รู้จักกันว่า “อินทรีทะเลหลังแดง” นกนักล่าเหยื่อขนาดกลาง เช่นเดียวกับ อินทรี นกแร้ง และ นกเหยี่ยว โดยจัดอยู่ในวงศ์ Accipitridae พบถิ่นฐานอาศัยใน อนุทวีปอินเดีย ทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ ประเทศออสเตรเลีย ถูกอธิบายชนิดครั้งแรก โดยนักธรรมชาติวิทยา ชาวดัตช์ ในปี ค.ศ. 1783 [1]
สายพันธุ์ของเหยี่ยวแดง สามารถแบ่งออกเป็น 4 ชนิดย่อย ซึ่งมีลักษณะทางกายภาพคล้ายกัน แต่แหล่งอาศัยแตกต่างกัน โดยกระจายสายพันธุ์ อยู่ในหลายประเทศ ตามรายละเอียดดังต่อไปนี้
ลักษณะทางกายภาพ สีสันตัดกันอย่างชัดเจน ด้วยขนสีน้ำตาลแดง ส่วนหัวกับหน้าอกเป็นสีขาว ปากกับขาสีเหลือง และปลายปีก เป็นสีดำเงาสวยงาม โดยเพศเมียจะมีขนาดใหญ่กว่าเพศผู้ ซึ่งมีความยาว จากปีกจรดปลายหาง ประมาณ 51 เซนติเมตร ในขณะที่เพศผู้ ขนาดความยาว ประมาณ 43 เซนติเมตร
พฤติกรรมการหาอาหาร เป็นการล่าเหยื่อจากที่สูง กินสัตว์ขนาดเล็กเป็นหลัก อย่างเช่น กระต่าย กระรอก ค้างคาว ปลา เป็นต้น โดยการเกาะอยู่บนต้นไม้สูง แล้วมองลงมาสำรวจพื้นดิน สามารถมองเห็นได้ไกล 1 ไมล์ เพื่อโฉบกินเหยื่อด้วยความเร็ว และการจับเหยื่ออย่างแม่นยำ ด้วยกรงเล็บแหลมคม [2]
การผสมพันธุ์ สำหรับในแถบเอเชียใต้ เริ่มตั้งแต่เดือน ธันวาคม – เมษายน และในแถบออสเตรเลีย เกิดขึ้นในช่วงเดือน เมษายน – มิถุนายน โดยการสร้างรังบนต้นไม้ แถวป่าชายเลน เพศเมียกกไข่ดูแลลูกนก ใช้เวลาฟักไข่ประมาณ 26 – 27 วัน และพบว่าพวกมัน ชอบเกาะคอน พบเห็นอยู่รวมกันเป็นฝูง มากกว่า 600 ตัว
ความสำคัญของเหยี่ยว แดง นับว่าเป็นตัวช่วยอย่างดี ในการควบคุมประชากร จำพวกสัตว์ฟันแทะ ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิต ที่รบกวนการเกษตร และสมดุลทางธรรมชาติ โดยในปัจจุบัน เหยี่ยวต้องการการอนุรักษ์
จากการสูญเสียที่อยู่อาศัย การสัมผัสยาฆ่าแมลง และภัยคุกคามจากมนุษย์ ควรร่วมกันอนุรักษ์ เพื่อปกป้องถิ่นอาศัย และรักษาแหล่งอาหาร สำหรับระบบนิเวศที่ดี ให้คงอยู่ไปอีกนาน
การอาศัยอยู่ตามธรรมชาติ ของเหยี่ยวแดง พบเห็นได้ในพื้นที่ราบ ตามชายฝั่ง หรือพบในระดับความสูง เหนือน้ำทะเล ประมาณ 1,524 เมตร บริเวณเทือกเขาหิมาลัย ซึ่งได้รับการประเมิน จัดอยู่ในบัญชี IUCN เป็นสัตว์ป่าที่มีความน่ากังวลน้อยที่สุด ต่อการสูญพันธุ์ แต่ยังคงมีจำนวนลดลง ในบริเวณเกาะชวา
สำหรับสถานะในประเทศไทย เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามพระราชบัญญัติ พ.ศ. 2535 ทั้งยังสามารถพบเห็นได้หลายพื้นที่ บริเวณใกล้กับหมู่บ้าน อย่างเช่น หมู่บ้านเลนตัก และปากแม่น้ำเวฬุ ซึ่งเป็นตัววัดดัชนีความอุดมสมบูรณ์ ของป่าชายเลน ตามธรรมชาติของไทย
แม้ว่าเหยี่ยวแดง จะเป็นประเภท นกต่างประเทศ แต่ก็มีการกระจายสายพันธุ์ อยู่ในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก สามารถชื่นชมความสวยงาม ได้ตลอดทั้งปี โดยกิจกรรมชมเหยี่ยวแดง ตั้งอยู่ในพื้นที่ป่าชายเลน หมู่บ้านไร้แผ่นดิน ริมแม่น้ำเวฬุ ระหว่างจังหวัดจันทบุรี อำเภอขลุง และจังหวัดตราด
นักท่องเที่ยวสามารถ ล่องเรือชมเหยี่ยว ตามช่วงเวลาเหมาะสม คือ เวลา 15.00 น. ใช้เวลาโดยประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที เพลิดเพลินกับการถ่ายภาพ ให้อาหารนก ชมทัศนียภาพป่าชายเลน เรียนรู้ระบบนิเวศเชิงธรรมชาติ ศึกษาวิถีชีวิตสัตว์ปีก สัตว์น้ำ และชาวประมงท้องถิ่น
สถานที่เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30 – 17.00 น. เข้าชมฟรี โดยใช้บริการเหมาเรือ อัตราค่าบริการ 1,000 บาท บริการจักรยานเช่า 20 บาท บริการเต็นท์ 300 บาท / หลัง และบริการลานกางเต็นท์ 50 บาท / หลัง พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่าง ๆ ติดต่อเบอร์ 061-683-0926, 089-249-7027 [3]
เหยี่ยวแดง สัตว์ป่านักล่า สัญลักษณ์แห่งพลัง และวิสัยทัศน์กว้างไกล เอกลักษณ์โดดเด่น ด้วยหลังน้ำตาลแดง และหัวสีขาว มีหลากหลายสายพันธุ์ พบเห็นได้ง่ายตามถิ่นอาศัย ทวีปเอเชีย หรือออสเตรเลีย รวมถึงในประเทศไทย ชื่นชมความสวยงามได้เป็นฝูงใหญ่ ตามป่าชายเลน ริมแม่น้ำ และชายฝั่งทะเล