
แมงมุมทารันทูล่า แมงมุมชนิดหนึ่ง ที่หลายคนทั่วโลกต่างหลงใหล ในความสวยงาม และน่าเกรงขาม บางครั้งอาจมองว่ามีหน้าตา ค่อนข้างน่ากลัวไปบ้าง แต่แน่นอนว่าคนนิยมเลี้ยง เป็นสัตว์เลี้ยงแปลกใหม่ เราจะพามาสำรวจการใช้ชีวิต ของเจ้าทารันทูล่าให้มากขึ้น เป็นตัวช่วยในการตัดสินใจ ว่าควรเลี้ยงดีหรือไม่?
แมงมุมทารันทูล่า (Tarantula) แมงมุมขาปล้อง จัดอยู่ในวงศ์ของ Theraphosidae ในประเทศไทยเรียกกันว่า “บึ้ง” โดยกระจายสายพันธุ์อยู่ทั่วไป มากกว่า 900 ชนิด พบเห็นได้ตามพื้นดิน ซึ่งเป็นสัตว์ที่มีวิวัฒนาการ มาตั้งแต่ยุคโบราณประมาณ 350 ล้านปีก่อน ถูกเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง ของร่างกายค่อนข้างน้อย
ขึ้นชื่อว่าเป็นแมงมุมขนาดยักษ์ มีขาเรียวยาว โดยเอกลักษณ์โดดเด่น คือ เส้นขนตลอดทั้งตัวและขา เป็นจำนวนมากอย่างชัดเจน ทารันทูล่าส่วนมากแล้ว จะมีลวดลายและสีสวยงาม พบเจอได้หลากหลายทุกมุมโลก ทั้งเขตร้อนชื้น ป่าดิบชื้น ทุ่งหญ้า ทะเลทราย หรือภายในถ้ำ ยกเว้นพื้นที่ขั้วโลกเท่านั้น [1]
แมงมุม ทารันทูล่าในประเทศไทย จะสามารถพบเจอได้ประมาณ 4 ชนิด ส่วนมากในภาคกลาง และภาคอีสาน รวมถึงประเทศกัมพูชา นิยมนำมาเป็นอาหารพื้นบ้าน และนำมาเป็นสัตว์เลี้ยงแปลก มีชนิดดังต่อไปนี้
ทารันทูล่าเป็นสัตว์ชนิด 8 ขา มีเพียงแค่ 2 ส่วนของร่างกาย (เรียกว่าส่วนหัวกุ้ง กับส่วนท้อง) และส่วนก้านดอก 1 คู่ สำหรับใช้ในการหาเหยื่อ และการตรวจสภาพแวดล้อม ทั้งยังมีสปินเนอร์ส่วนหลังของท้อง เพื่อการผลิตใยไหม สำหรับการจับเหยื่อ สร้างที่พักหลบภัย หรือเป็นตัวช่วยซับแรงในโพรง
ลักษณะของใบหน้าแมงมุม ประกอบด้วย ดวงตามากมาย เรียงกันเป็น 2 แถว มีเส้นขนตามร่างกาย เพื่อตรวจจับการเคลื่อนไหว และแรงสั่นสะเทือนรอบตัว พร้อมกับมีเขี้ยวขนาดใหญ่ เพื่อฉีกกินเนื้อของเหยื่อและมีพิษ ตั้งแต่พิษน้อยไปจนถึงพิษรุนแรง
ขนาดของลำตัว โดยสายพันธุ์เล็ก อาจมีช่วงขาประมาณ 2 – 3 นิ้ว ส่วนสายพันธุ์ใหญ่ จะมีช่วงขายาว 11 นิ้วเป็นต้นไป ซึ่งน้ำหนักตัวของทารันทูล่า โตเต็มวัยทุกสายพันธุ์ จะมีตั้งแต่ 85 – 170 กรัม หรือมากกว่านั้น สำหรับอายุขัย ตัวเมียจะมีอายุยืนยาวกว่าตัวผู้ อาจได้มากถึง 20 ปี ในขณะที่ตัวผู้อายุสั้นเพียงแค่ 3 – 7 ปี
Tarantula แมงมุมที่มีแหล่งอาศัย 2 ประเภทหลัก คือ แบบอาศัยในดินขุดเป็นโพรง และแบบอาศัยบนต้นไม้ ซึ่งจะสร้างใยไหมอย่างหนาแน่น โดยประเภทที่อาศัยบนต้นไม้ จะมีความว่องไวกว่าพวกบนดิน จึงต้องศึกษารายละเอียด ของแต่ละสายพันธุ์เสียก่อน เพื่อการเลี้ยงดูแลอย่างถูกต้อง
แหล่งอาศัยอย่างเหมาะสม ควรพิจารณาจาก ขนาดของตู้เลี้ยง ที่มีพื้นดินอย่างกว้างขวาง หรือบางสายพันธุ์ต้องการความสูงเพื่อปีนต้นไม้ ควรจัดเตรียมวัสดุรองรับความชื้น เพื่อให้แมงมุมขุดโพรงทำรัง (ขุยมะพร้าว หรือพีทมอส) รวมถึงสถานที่หลบซ่อน (เปลือกไม้ หรือกระถางคว่ำ) และโคมไฟ สำหรับควบคุมความชื้น
โภชนาการและอาหาร เป็นสัตว์กินเนื้อ และเหยื่อมีชีวิต ควรเป็นจำพวกแมลงมีไส้ในท้อง อย่างเช่น จิ้งหรีด แมลงสาบ หนอนใยอาหาร ให้อาหาร 1 – 2 ครั้ง / สัปดาห์ และควรนำเหยื่อที่แมงมุมไม่กิน ออกจากบริเวณภายใน 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเครียด [2]
ราคาซื้อขายทารันทูล่าในไทย หากเทียบจากสมัยก่อน ที่คนไทยยังไม่สามารถเพาะพันธุ์ได้เอง ต้องหาตามแหล่งธรรมชาติเท่านั้น จะมีราคาสูงถึง 100,000 บาท แต่ในปัจจุบันประเทศไทย สามารถเพาะพันธุ์แมงมุมสายพันธุ์ต่าง ๆ ได้ โดยจะมีราคาตั้งแต่ 150 – 10,000 บาท ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ สีสัน และขนาดตัว
สำหรับในต่างประเทศ จะมีราคาขายส่งออก ตัวละ 25 ดอลลาร์ (หรือประมาณ 918 บาท) ส่งตรงจากฟาร์มในประเทศชิลี นิยมเลี้ยงอย่างแพร่หลาย ทั้งประเทศสหรัฐอเมริกา แถบยุโรป และแถบเอเชีย เพราะมีราคาค่อนข้างถูกกว่า แมวหรือสุนัข ทั้งยังเลี้ยงง่ายกว่าอีกด้วย [3]
แมงมุมทารันทูล่า สัตว์เลี้ยงสุดแปลกแถมมีพิษ ประเภทสัตว์ Exotic จัดว่าเป็นแมงมุมขนาดใหญ่ที่สุด ทั้งยังมีนิสัยดุร้ายและก้าวร้าว แตกต่างจากสัตว์เลี้ยง นกแก้วฟอพัส นกสายพันธุ์เล็กรักเจ้าของ อย่างไรก็ตาม แมงมุมเป็นสัตว์ที่เหมาะกับคน พร้อมเลี้ยงอย่างจริงจัง เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ที่คุณจะอยู่ร่วมกับสัตว์อันตราย