ปลาเงินปลาทอง อีกหนึ่งปลาเลี้ยงสวยงาม หลายคนนิยมเลี้ยงประดับบ้าน เลี้ยงไว้ดูเป็นเพื่อนเล่น รวมถึงเป็นปลามงคล ตามความเชื่อของชาวจีนอีกด้วย พามาทำความรู้จักกันให้มากกว่าเดิม กับสายพันธุ์ของปลาทอง ข้อควรทราบก่อนเลี้ยง และราคาแต่ละสายพันธุ์ เลี้ยงดีอยู่นานมากกว่า 10 ปี
ปลาเงินปลาทอง (Goldfish) ปลาน้ำจืด จัดอยู่ในวงศ์ Cyprinidae สัตว์น้ำนิยมเลี้ยงในตู้ปลา โดยมีถิ่นกำเนิดจากประเทศจีน ซึ่งมีการคัดเลือกสายพันธุ์ ปลาสีครั้งแรก ตั้งแต่จักรวรรดิจีน นานกว่า 1,000 ปีมาแล้ว เดิมทีสีของปลาทอง เป็นสีส้มแกมเหลือง และพัฒนาสายพันธุ์แตกต่างกันไป [1]
จุดเด่นของปลาเงินและปลาทอง ในแต่ละสายพันธุ์ มีลักษณะแตกต่างกัน ทั้งส่วนลำตัว ส่วนตา ครีบหลัง ครีบก้น และครีบหาง รวมถึงลักษณะของหาง ทั้งแบบหางเดี่ยว หางพวง และหางคู่ โดยลักษณะทางกายภาพทั่วไป จะมีขนาดตัวโต ประมาณ 12 – 22 เซนติเมตร บางสายพันธุ์มีความสูงถึง 41 เซนติเมตร
ภายนอกรูปร่างอ้วน สั้นป้อม มีเกล็ดบางเรียบ ครีบส่วนอกกลมแบน ครีบหางเป็นรูปพัด และมีหลากหลายสี ตั้งแต่สีทอง สีเงิน สีแดง สีส้ม สีเทา สีดำ และสีขาว ทั้งยังรวมหลายสีในตัวเดียว ปัจจุบันมีมากกว่า 100 สายพันธุ์ โดยมีอายุขัยยาวนานกว่า 20 – 30 ปี
ลักษณะลำตัว ของปลาเงินปลาทอง จะถูกจำแนกออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่
พฤติกรรมการใช้ชีวิต มักอยู่รวมกันเป็นฝูง และกินอาหารเหมือนกัน โดยการเรียนรู้จาก พฤติกรรมแบบกลุ่ม และแบบรายตัว ซึ่งนิสัยโดยทั่วไป มีความเป็นมิตร กับปลาทองด้วยกัน และไม่ทำร้ายกันเอง แต่ไม่แนะนำให้เลี้ยงตัวผู้ กับตัวเมียรวมกัน เพราะอาจเกิดการผสมพันธุ์ในครอบครัวได้
ความสามารถด้านสติปัญญา มีการเรียนรู้เชื่อมโยงจากสังคม สามารถแยกความแตกต่างของคนได้ และเรียนรู้การขออาหาร โดยปลาทองมีความจำ อย่างน้อย 3 เดือน จดจำในการตอบสนองของสี และท่าทางต่าง ๆ ซึ่งจะเห็นได้จาก การว่ายน้ำไปมาหน้ากระจก การว่ายน้ำรอบตู้ หรือว่ายน้ำเล่นบนผิวน้ำ เป็นต้น
สัตว์เลี้ยงสวยงามชนิดหนึ่ง เหมาะสำหรับคนที่มี พื้นที่ใช้สอยไม่มาก สามารถเลี้ยงเพื่อความสวยงาม และตกแต่งห้อง หรือภายในบ้าน ให้แลดูมีชีวิตชีวาน่าอยู่มากขึ้น ทั้งยังขึ้นชื่อว่าเป็น ปลามงคลของจีน เลี้ยงสำหรับปรับฮวงจุ้ย ส่งผลเกี่ยวกับความอุดมสมบูรณ์ เรียกเงินเรียกทอง และความร่ำรวยได้เช่นกัน
สถานที่พักอาศัย ควรเป็นตู้ปลาขนาด 24 นิ้ว แนะนำเลี้ยงง่ายไม่เกิน 3 ตัว หรือเลี้ยงในอ่างปลา แบบบ่อซีเมนต์ ควรอยู่ในพื้นที่แดดส่องถึง แต่ควรมีตาข่ายบังแสง ประมาณ 60% และภายในบ่อหรือตู้ปลา ต้องมีสาหร่าย หรือไม้น้ำ ช่วยลดความเครียด ทั้งยังเพิ่มจุลินทรีย์ เป็นแหล่งอาหารให้กับปลาได้
น้ำและออกซิเจน ต้องเป็นน้ำสะอาดไม่มีคลอรีน ใส่เกลือแกงทุก 7 วัน ช่วยฆ่าเชื้อโรคและลดความเครียด สำหรับออกซิเจนในน้ำ ต้องการน้ำหมุนเวียน ใช้ออกซิเจนค่อนข้างเยอะ โดยมีอุณหภูมิน้ำ 28 – 35 องศาเซลเซียส ห้ามเปลี่ยนอุณหภูมิบ่อย เพราะอาจทำให้ปลาปรับตัวไม่ทัน
อาหารสำหรับ ปลาเงินปลาทอง สามารถกินได้ทั้งพืช และสัตว์เล็กจากธรรมชาติ อย่างเช่น ลูกน้ำ ไส้เดือนน้ำ หนอนแดง ไรแดง ไรน้ำตาล เป็นต้น และอาหารสำเร็จรูป ประมาณ 1 – 2 ครั้ง / วัน ในปริมาณที่เหมาะสม ไม่เหลือเยอะจนเกินไป เพราะอาจเสี่ยงต่อโรคอ้วน ท้องอืด และเสียการทรงตัว จนเสียชีวิตได้ [2]
ตลาดปลาสวยงามในไทย ราคาของปลาเงินปลาทอง จะมีราคาถูกมาก ไปจนถึงราคาแพงมาก ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ ขนาดตัว สีสัน และลวดลายต่าง ๆ โดยขนาดเล็ก ตัวละประมาณ 5 – 10 บาท (สายพันธุ์โคเมท และออรันดา) และขนาดใหญ่ (5 นิ้ว) 400 – 2,500 บาท รวมถึงสายพันธุ์พิเศษ อาจมากถึง 1,200 – 1,500 บาท
สำหรับปลาทอง ราคาแพงที่สุดในโลก ยกตัวอย่าง 5 สายพันธุ์ด้วยกัน ดังนี้
ที่มา: 5 อันดับปลาทองราคาแพงที่สุดในโลก มีอะไรบ้างมาดูกัน [3]
ปลาเงินปลาทอง สัตว์น้ำคนนิยมเลี้ยง เพื่อความสวยงาม และเสริมฮวงจุ้ย หนึ่งในสัตว์มงคล จากประเทศจีน ต้องการความรัก ความเอาใจใส่จากเจ้าของ ทั้งยังมีปฏิสัมพันธ์กับคนได้ง่าย มือใหม่ก็สามารถเลี้ยงได้ หาซื้อตามร้านจำหน่ายปลาสวยงามทั่วไป ตั้งแต่ราคาถูกหลักหน่วย ไปจนถึงราคาแพงหลักหมื่น