สำรวจข้อมูล มังกรโกโมโด ยักษ์ใหญ่มีพิษน่าสยดสยอง

มังกรโกโมโด

มังกรโกโมโด รวมเรื่องราวชวนสยอง ของสัตว์เลื้อยคลาน ชอบแลบลิ้นสองแฉก มีพิษในน้ำลาย ที่หลายคนเชื่อว่าพวกมัน คือสัตว์ตระกูลเดียวกับตะกวด และ ตัวเงินตัวทอง แต่แท้จริงแล้ว มันคือกิ้งก่ายักษ์ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งถูกค้นพบการมีชีวิตอยู่ มาตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ มานานกว่า 19,000 ปีมาแล้ว

มังกรโกโมโด สัตว์ในตำนานแห่งเกาะโคโมโด

มังกรโกโมโด (Komodo Dragon) สัตว์เลื้อยคลานขนาดใหญ่ ในวงศ์ของกิ้งก่ากินเนื้อ Varanidae ถิ่นฐานกำเนิดอยู่ในเกาะโคโมโด เกาะรินกา และ เกาะกีลีโมตัง ของประเทศอินโดนีเซีย โดยเป็นสายพันธุ์ ของกิ้งก่าขนาดใหญ่ที่สุดในโลก หนึ่งในนักล่าชั้นยอด และ ครอบงำระบบนิเวศทั้งหมด ในแหล่งอาศัยนั้น ๆ

การค้นพบครั้งแรก มาจากนักวิทยาศาสตร์ ชาวตะวันตก ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1910 ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับ จระเข้บก และปัจจุบันถูกจัดให้อยู่ในกลุ่ม สัตว์ใกล้สูญพันธุ์ ตามบัญชีแดง IUCN ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย ทั้งยังได้รับการช่วยเหลือ เพื่อการอนุรักษ์สายพันธุ์ จากอุทยานแห่งชาติโคโมโด เมื่อปี ค.ศ. 1980 [1]

มังกร โกโมโด ลักษณะเป็นอย่างไร?

มังกรโกโมโดขนาดใหญ่ โดยเพศผู้จะมีน้ำหนักมากกว่า ตั้งแต่ 70 – 91 กิโลกรัม ส่วนเพศเมียมีน้ำหนัก 68 – 73 กิโลกรัม ซึ่งพบบันทึกมังกรโกโมโด ในกรงเลี้ยง มีน้ำหนักมากที่สุด 166 กิโลกรัม และทั้งสองมีความยาวลำตัว ประมาณ 2.29 – 3.13 เมตร ส่วนมากลำตัว เป็นเกร็ดแข็งแรง ผิวหนังสีน้ำตาลหรือสีดำ

ลักษณะทั่วไปมีหางยาว ผิวหนังหยาบ มีกระดูกเปลี่ยนแปลงไปตามอายุ ฟันหยัก ปลายฟันแหลมคม และลิ้นค่อนข้างยาว ปลายลิ้นมี 2 แฉก ซึ่งเป็นลักษณะที่พบได้น้อย ในจำพวกของกิ้งก่า ทั้งยังมีชุดฟัน ที่สามารถทดแทนได้ เหมือนกับกิ้งก่าลูกปัด และกิ้งก่าจระเข้จีน

ทักษะและพฤติกรรมการล่าอาหาร

การดำรงชีวิตตามธรรมชาติ ชอบอยู่ในพื้นที่เขตร้อน และแห้งแล้ง บริเวณทุ่งหญ้าสะวันนา และทุ่งหญ้าเปิดโล่ง เนื่องด้วยเป็นสัตว์เลือดเย็น พวกมันจะเคลื่อนไหวบ่อย ในช่วงกลางวัน และออกหากินเวลากลางคืน ชอบอยู่อย่างสันโดษ แต่จะรวมตัวกัน เพื่อการสืบพันธุ์ และช่วงหากินเท่านั้น

ทักษะของมังกรโกโมโด สามารถวิ่งได้อย่างคล่องแคล่ว ด้วยขาที่ไม่ได้ยาวมาก เพียงระยะสั้น ๆ ด้วยความเร็ว 20 กิโลเมตร / ชั่วโมง สามารถดำน้ำลึกได้มากถึง 4.5 เมตร และปีนป่ายขึ้นต้นไม้ ด้วยกรงเล็บแข็งแรงมาก ซึ่งถูกใช้เป็นอาวุธสำคัญ ในการล่าเหยื่อที่เข้าถึงได้ยากด้วย

อาหารหลัก เป็นสัตว์นักล่ากินเนื้อ แม้ว่าจะชอบกินซากสัตว์ เป็นส่วนใหญ่ แต่พวกมันก็เลือกที่จะโจมตี สัตว์ที่ยังมีชีวิตอยู่ หลากหลายชนิด อย่างเช่น กวางป่า หมูป่า ควายน้ำ แพะ แมลง นก ไข่ของสัตว์เลื้อยคลาน หรือแม้แต่มนุษย์ ซึ่งบางครั้งสามารถกลืนเหยื่อได้ทั้งตัว หลังจากนั้นจะสำรอกขน เขา หรือฟันออกมา

รู้จักโลกอันน่าสยองของ มังกรโกโมโด

มังกรโกโมโด

สัตว์ป่าในตำนาน ที่ยังคงมีชีวิตอยู่ นับว่าเป็นสัตว์ดุร้าย และอันตรายชนิดหนึ่งของโลก โดยการอยู่อาศัยในธรรมชาติ พวกมันจะมีชีวิตอยู่ได้เฉลี่ย 15 ปี และสามารถมีอายุยืนกว่า 50 ปี สำหรับชาวพื้นเมือง บนเกาะโกโมโด มักเรียกพวกมันว่า โอรา (Ora) สัตว์นักล่าที่ไม่ควรเข้าใกล้มากที่สุด

ความร้ายแรงของพิษ มังกรโกโมโด

ความน่ากลัวและสยดสยอง ของสารพิษจากมังกรโกโมโด ซึ่งแตกต่างจาก สัตว์มีพิษ ชนิดทั่วไป ที่มีความหลากหลายของพิษไม่มากนัก และทุกพิษทำงานเหมือนกัน แต่สำหรับมังกรโกโมโด มีพิษอยู่ในน้ำลาย ที่ทำให้เลือดไม่แข็งตัว จนเลือดไหลออกมาจนหมด และเกิดอาการหมดสติ พวกมันจึงล้มสัตว์ใหญ่ได้ง่าย

สารพิษจากน้ำลาย เป็นสารประกอบ Peptide ที่มีหลายชนิดอยู่ในเลือด มากกว่า 200 ชนิด ซึ่งพบว่ามนุษย์ สามารถเสียชีวิตได้จาก การติดเชื้อในกระแสเลือด มีบันทึกประมาณ 700,000 คน แต่นอกจากนั้น พิษยังถูกนำมาเป็นยา ต่อต้านยาปฏิชีวนะ ช่วยรักษาโรค และรักษาบาดแผล ให้หายเร็วได้ดี [2]

เกาะโคโมโด ท่องเที่ยวได้ไหม?

เกาะโคโมโด (Komodo Island) อย่างที่เราทราบกันดีว่า เป็นแหล่งอาศัยชุกชุม ของมังกรโกโมโดจำนวนมาก ที่มีประชากร 4,000 – 5,000 ตัว โดยนักท่องเที่ยวที่สนใจ สามารถเข้าชมเพื่อการอนุรักษ์ ในอุทยานแห่งชาติโคโมโด จะได้พบกับฝูงมังกรโกโมโด และชมสัตว์ท้องถิ่นอย่างอิสระ [3]

เป็นหนึ่งในโปรแกรมท่องเที่ยว โดยมีเจ้าหน้าที่อุทยาน (Ranger) นำทางตลอดเส้นทางการเดินป่า ระยะทาง ประมาณ 3 กิโลเมตร และสามารถชมความสวยงาม ของเกาะบาหลี ฟลอเรส ภูเขาไฟโบรโม เกาะปาดาร์ และหาดทรายสีชมพู เป็นสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง รวมค่าใช้จ่าย อาจค่อนข้างสูงเฉลี่ย 95,000 บาท

สรุป มังกรโกโมโด “Komodo Dragon”

มังกรโกโมโด สัตว์เลื้อยคลาน จำพวกกิ้งก่า ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ถิ่นกำเนิดและอาศัย ในเกาะโคโมโด ประเทศอินโดนีเซีย สถานที่ท่องเที่ยว เชิงอนุรักษ์ธรรมชาติ หนึ่งในสัตว์กินซาก และสิ่งมีชีวิตหลากหลาย มีพิษรุนแรงจากน้ำลาย ที่เป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค และแบคทีเรีย พรากชีวิตคนมาเป็นจำนวนมาก

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง