สัตว์น้ำจืด มีหลากหลายสายพันธุ์ ที่ได้รับความนิยม ซึ่งได้แก่ ปลาซิวข้างขวานใหญ่, ปลารัมมี่โน้ส, ปลาเซเป้, ปลานีออนฟ้า และ ปลาแบล็คแพนทอม และรวบรวมมาจากหลายที่ หลายแห่ง อีกทั้ง สามารถพบเห็นได้ค่อนข้างน้อยหรือง่าย โดยวันนี้เราจะมาแนะนำ ความสำคัญของปลาสวยงามเหล่านี้ แนวทางอนุรักษ์ หรือข้อมูลที่สำคัญต่างๆ ให้ผู้เลี้ยงปลาทั้งหลายได้รู้จักกันมากขึ้น
สำหรับ สัตว์น้ำจืด หรือ ปลาน้ำจืด (Freshwater fish) เป็นปลาที่อาศัยอยู่ได้ ตามน้ำจืดเท่านั้น อาทิ ลำธาร ทะเลสาบ บึง และอื่นๆ โดยโครงสร้างของปลาเหล่านี้ จะมีแรงดันออสโมซิส ในเลือดอยู่ในระดับสูงกว่า น้ำที่อาศัยอยู่มาก จึงทำให้มีการไหลของน้ำเข้าสู่ร่างกาย และเกลือแร่แพร่ ออกสู่น้ำภายนอกได้ง่าย ซึ่งไม่ให้น้ำซึมผ่านเข้าสู่ตัวมัน และออกจากร่างกายได้
โดยกระบวนการดังกล่าว ยังไม่ดีมากนัก เพราะเหงือกเป็นอวัยวะสำคัญ ที่ปลาน้ำจืดใช้หายใจ มีน้ำไหลผ่าน เมื่อมีเหงือก และน้ำจืดก็มีโอกาสไหลผ่าน เข้าสู่ภายในร่างกายได้ดี จึงกำจัดน้ำส่วนที่เกิน ที่ถูกดูดเข้าสู่ร่างกายออกสู่ นอกร่างกายได้ วิธีการขับถ่ายนำเอาปัสสาวะ ที่มีความดันออสโมซิสต่ำกว่า เลือดออกสู่ภายนอกร่างกาย [1]
โดยมีการรายงานว่า ปลาน้ำจืด (Freshwater fish) 80 สายพันธุ์ ได้สูญพันธุ์เป็นที่เรียบร้อย และอีก 16 สายพันธุ์ มีแถลงการณ์ว่าสูญพันธุ์ เมื่อในปี 2020 สำหรับจำนวนปลานั้น ที่ต้องอพยพลดลงกว่า 3 ใน 7 นับตั้งแต่ใน 1970 ซึ่งประชากรของปลาขนาดใหญ่ และมีน้ำหนักมากกว่า 27 กิโลกรัมมีปริมาณลดลงในระดับ ‘หายนะ’ คือราว 94%
Freshwater fish มีความสำคัญมาก ต่อระบบนิเวศแม่น้ำ ทะเลสาบ หนองบึง อีกทั้ง คนทั่วโลกต่างอาศัยปลาชนิดนี้ เป็นแหล่งความมั่นคงทางด้านการดำรงชีพ โดยเฉพาะ ประชากรกลุ่มเปราะบาง และกลุ่มชาติพันธุ์ รายงานดังกล่าวได้สรุปว่า การลดลงของปลาเหล่านี้ ในอัตราที่น่ากลัว ย่อมส่งผลกระทบต่อสังคม หรือเศรษฐกิจครั้งใหญ่ [2]
การฟื้นฟูปลาสวยงามนั้น นับว่าเป็นความจำเป็น ของปลาหลากหลายชนิดทั่วโลก เนื่องจากปริมาณผลผลิตปลาน้ำจืด ในแหล่งน้ำธรรมชาติ ทั่วประเทศของเรา มีโอกาสลดลง ซึ่งในหลายปีที่ผ่านมา เกิดสภาวะการเปลี่ยนแปลง ทางสภาพภูมิอากาศอย่างมาก ทำให้เกิดภัยแล้ง และน้ำท่วมหนักในหลายพื้นที่ ส่งผลให้หนอง บึง อ่างเก็บน้ำ เขื่อน และแม่น้ำสายหลักต่างๆ ที่เคยเป็นแหล่งผลิตลูกพันธุ์สัตว์น้ำสร้างประชากรรุ่นใหม่
ซึ่งในแหล่งน้ำธรรมชาติ ที่สำคัญได้รับผลกระทบโดยตรง จากปัญหาการลดลง ของปริมาณสัตว์น้ำจืดอย่างเห็นได้ชัดเจน นับวันจะทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นต่อเนื่อง ด้วยเหตุนี้ หากไม่มีการเพิ่มเติมลูกพันธุ์สัตว์น้ำด้วยการผลิต และปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ มาเป็นการช่วยธรรมชาติ รักษาสมดุลประชากรสัตว์น้ำ ในอนาคตจะเกิดภาวะทรัพยากรประมงน้ำจืด เสื่อมถดถอยได้
โดยจะส่งผลให้แหล่งผลิต อาหารประเภทโปรตีน ของประชาชนของปลาลดลง อีกทั้ง การจ้างงานและการสร้างรายได้ ของชุมชนลดลงด้วยเช่นเดียวกัน กรมประมงเป็นหน่วยงาน ที่มีหน้าที่หลัก ในการดำเนินการ ที่ช่วยบรรเทาไม่ให้เกิดเหตุการณ์นี้นั้น โดยใช้หลักการจัดการ ทรัพยากรประมงน้ำจืด นั่นเอง [3]
สำหรับปลาน้ำจืด เป็นหนึ่งในการค้าส่งออก ที่มีขยายตัวในตลาดโลกอย่างแพร่หลาย โดยประเทศเรานั้น นับว่ามีปัจจัยพื้นฐาน ที่ได้เปรียบประเทศ คู่แข่งขันหลายด้าน ทั้งในเรื่องความพร้อม ทางศักยภาพของเกษตรกร โดยกองวิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืด ดำเนินการผลิต และปล่อยเพิ่มประชากรพันธุ์สัตว์น้ำรุ่นใหม่ในแหล่งน้ำธรรมชาติ จำนวนทั้งสิ้น 886.87 ล้านตัว
ซึ่งมีการพันธุ์ปลาจืดมากถึง 529.22 ล้านตัว เมื่อคำนวณปริมาณของสัตว์น้ำ ที่เจริญเติบโต และจับคืนสู่ชาวประมง ในอัตราร้อยละ 10 จากจำนวนพันธุ์ปลาน้ำจืด ที่หน่วยงานผลิต หรือปล่อยในแหล่งน้ำธรรมชาติ พบว่าเป็นพันธุ์ปลา จำนวน 52.92 ล้านตัวเลยทีเดียว
สำหรับการเลี้ยงปลาน้ำจืด การดูแลตู้ปลาให้สะอาดอยู่เสมอ นับเป็นสิ่งสำคัญ คนเลี้ยงจะต้องใส่ใจ หรือดูแลรักษาสภาพแวดล้อมต่างๆ ภายในตู้ปลาให้เหมาะกับปลา ที่เลือกมาเลี้ยง รวมไปถึงการดูแลรักษาทุกส่วนประกอบที่อยู่ในตู้ปลา เช่น วัสดุตกแต่ง พรรณไม้น้ำ การกำจัดตะไคร่ และอีกมากมาย
โดยเฉพาะ วิธีการล้างตู้ปลา ให้ถูกวิธี จะช่วยให้คุณมีตู้ปลาสวยงามนั้น เพิ่มความสวยงาม และชีวิตชีวา ให้กับบ้านของคุณเป็นอย่างมาก แต่หากตู้ปลาไม่สะอาด นอกจากจะไม่สร้างความสวยงามแล้ว ยังทำให้ปลาป่วย และตายได้ในที่สุด
ประเภทของปลา พบเจอได้ง่าย และยากทั้งในไทย และอีกหลายประเทศ มีดังต่อไปนี้
สรุป สัตว์น้ำจืด จัดเป็นปลาสวยงามอีกชนิดหนึ่ง เพราะว่าเป็นปลาที่มีความสวยงาม สดใส สามารถเลี้ยงได้ไม่ยาก อีกทั้ง ยังช่วยในการเสริมฮวงจุ้ย หรือความมั่งคั่งให้แก่เจ้าของ ดังนั้น คนส่วนมากชื่นชอบเลี้ยงปลา เพื่อเสริมดวงทางการเงินมากขึ้น อีกทั้ง เป็นปลาเหล่านั้น ยังสามารถส่งเป็นสินค้าออกได้ อีกด้วย