เกร็ดความรู้ เมกาโลดอน ฉลามยักษ์นักล่าระดับสูงสุด

เมกาโลดอน

เมกาโลดอน เงามหึมาใต้ผิวน้ำ เผยให้เห็นฉลามขนาดยักษ์ รูปร่างน่ากลัวกว่าฉลามทั่วไป และมีฟันขนาดใหญ่ อ้าปากกว้างพร้อมกัดสิ่งมีชีวิตทุกชนิด พบกับความยิ่งใหญ่แห่งท้องทะเล ข้อมูลลักษณะพิเศษทางกายภาพ แหล่งอาศัย และอาหารหลัก แล้วจะต้องบอกว่าโชคดี ที่พวกมันสูญพันธุ์ไปหลายล้านปี

รวมความจริงเกี่ยวกับ เมกาโลดอน

เมกาโลดอน (Megalodon) หนึ่งในสายพันธุ์ฉลามมาเคอเรล ขนาดใหญ่มากที่สุด โดยสูญพันธุ์ไปแล้ว ตั้งแต่ยุคไมโอซีนตอนต้น ประมาณ 23 – 3.6 ล้านปีก่อน เคยจัดอยู่ในวงศ์ Lamnidae ที่เป็นฉลามนักล่าและว่ายน้ำเร็ว พบทั่วไปในมหาสมุทรทั่วโลก ซึ่งเป็นญาติใกล้ชิดกับ ฉลามขาว และหลังจากนั้น ถูกจัดให้อยู่ในวงศ์ Otodontidae ประเภทฉลามฟันยักษ์ที่สูญพันธุ์ [1]

ลักษณะพิเศษ เมกาโลดอน

ฉลามขนาดยักษ์ และทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยพบฟอสซิลคาดคะเนว่า มีรูปร่างคล้ายกับ ฉลามขาวบาสกิง และฉลามเสือทราย ความยาวของลำตัว 14.2 – 20.3 เมตร มีน้ำหนัก 48 – 103 เมตริกตัน (เทียบเท่ากับ ช้างแอฟริกา 10 ตัว) และมีฟันหนาแข็งแรง รวมแล้ว 544 ซี่ อยู่ในประเภทของ สัตว์ฟันแข็งแรง

สร้างมาเพื่อจับเหยื่อ และหักกระดูกอย่างง่ายดาย สำหรับขากรรไกร มีขนาดใหญ่เป็นพิเศษ ค่อนข้างทู่ และกว้างกว่าฉลามทั่วไป เป็นซากที่ถูกค้นพบมากที่สุด ความยาวของฟัน ประมาณ 180 มิลลิเมตร สามารถมีแรงกัดได้มากถึง 108,500 – 182,200 นิวตัน ซึ่งเป็นฟันที่ใหญ่ที่สุด ในบรรดาสายพันธุ์ของฉลามในโลก

ถิ่นอาศัยและการหาอาหาร

แหล่งอาศัยของเมกาโลดอน เคยกระจายอยู่ทั่วโลก ทั้งทวีปยุโรป แอฟริกา อเมริกา และออสเตรเลีย โดยอยู่ในอุณหภูมิต่ำ และปานกลาง 1 – 24 °C สามารถปรับตัวเข้ากับ สภาพแวดล้อมทางทะเลหลากหลาย ตั้งแต่ชายฝั่งน้ำตื้น บริเวณน้ำขึ้น ทะเลสาบ และบริเวณน้ำลึกของมหาสมุทร

การหาอาหาร มักกินเหยื่อตามโอกาส โดยว่ายน้ำด้วยความเร็วสูงสุด 10 เมตร / วินาที เรียกว่าเป็นนักล่าระดับสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร เลือกกินอาหารที่มีโภชนาการสูง อย่างเช่น ฉลาม โลมา วาฬ แมวน้ำ หรือ เต่าทะเล ซึ่งพบว่าเมกาโลดอน ต้องการพลังงานมากถึง 98,000 แคลอรี / วัน (มากกว่าฉลามขาว 20 เท่า)

กลยุทธ์การล่าเหยื่อ จะมีวิธีการซับซ้อนกว่าฉลามขาว เพื่อล่าเหยื่อขนาดใหญ่ โดยการเล็งโจมตี เข้าที่หัวใจและปอด สามารถกัดผ่านกระดูก ที่แข็งได้ในครั้งเดียว จากแรงกัดมหาศาล ทั้งนี้พวกมัน ยังมีการปรับปรุงกลยุทธ์การล่าให้ดีขึ้นต่อเนื่อง เพื่อรับมือกับวาฬขนาดใหญ่ ในยุคดึกดำบรรพ์

เมกาโลดอน ผู้ล่าแห่งท้องทะเลยุคโบราณ

เมกาโลดอน

หลายครั้งที่ความใหญ่ และความน่ากลัวของเมกาโลดอน ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ ไม่ว่าจะเป็น Shark Attack 3: Megalodon (2002), นวนิยาย Megalodon, The Meg (2018) และ The Meg2 (2023) กล่าวถึงฉลามที่มีชีวิตในยุคดึกดำบรรพ์ และในปัจจุบัน พวกมันมีสายพันธุ์ใกล้เคียง กับฉลาดขนาดใหญ่อีกหลายชนิด

ทำไม เมกาโลดอน ถึงสูญพันธุ์?

ความเป็นมาของสัตว์น้ำตัวใหญ่ที่สุด ในประวัติศาสตร์ พวกมันสามารถดำรงชีวิต มาได้นานกว่า 26 ล้านปี และสูญพันธุ์หายไป หลงเหลือไว้เพียงซาก ของฟันขนาดยักษ์ หลายคนอาจคิดว่า ด้วยขนาดตัวที่ใหญ่มาก ทำให้เมกาโลดอนหมดไปจากโลก แต่แท้จริงแล้ว นักบรรพชีวินวิทยา พบว่าเกี่ยวข้องกับ 3 ปัจจัย คือ

  • น้ำทะเลอุณหภูมิต่ำลง : จากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ คาดว่าอุณหภูมิน้ำทะเล เย็นลงอย่างรวดเร็ว จนทำให้ไม่สามารถปรับตัวอยู่ได้ เพราะพวกมันชอบอยู่ในเขตน้ำกึ่งร้อน หรือเขตอบอุ่น
  • แหล่งอาหารมีจำนวนน้อยลง : วาฬขนาดใหญ่หลายชนิด นับว่าเป็นแหล่งอาหารหลัก ซึ่งมีจำนวนน้อยลง จึงส่งผลให้เมกาโลดอน กินอาหารได้ไม่เพียงพอ ต่อความต้องการของร่างกาย
  • เกิดนักล่าสายพันธุ์ใหม่ : ฉลามนักล่าสายพันธุ์ใหม่อย่าง ฉลามขาว โดยตามปกติแล้ว ฉลามขาวเป็นอาหารของเมกาโลดอน แต่จากการศึกษาวิจัย แร่ธาตุของเมกาโลดอน และฉลามขาว พบว่ามีแร่ธาตุเหมือนกัน หมายถึงการกินอาหารชนิดเดียวกัน หรือเรียกว่าฉลามขาว แย่งอาหารนั่นเอง

ที่มา: รู้ไหมเมกาโลดอนน่าจะสูญพันธุ์ เพราะโดนฉลามขาวแย่งอาหารกินจนหมด [2]

นอกจากนี้ อีกหนึ่งปัจจัยจากการเปลี่ยนแปลงของโลก ทำให้ระดับน้ำทะเลลดลง ส่งผลกระทบขั้นรุนแรง ต่อระบบนิเวศทางทะเล และชายฝั่ง ตามเขตที่เมกาโลดอนอาศัยอยู่

จึงเป็นผลต่อเนื่องทำให้อาหารขาดแคลน สัตว์ทะเลยุคโบราณจึงตายไปกว่า 36% แน่นอนว่าภายในไม่กี่ล้านปี เปิดทางให้ฉลามขาว มีวิวัฒนาการแทนที่ จนเกิดเป็นสุดยอดนักล่า แห่งทะเลชายฝั่งในปัจจุบัน

การค้นพบ ฟันเมกาโลดอน

หากถามว่าทำไมฟันของเมกาโลดอน ถูกค้นพบมากที่สุด แล้วซากโครงกระดูกไปไหน? การพบซากฟอสซิลเป็นฟันเกือบทั้งหมด โดยฟันเป็นกระดูกที่แข็งมากที่สุด และสามารถสร้างฟันได้ตลอด จากอาหารที่กิน พวกมันจะสูญเสียฟัน 1 ชุด / 1 – 2 สัปดาห์ ทำให้มีฟันมากถึง 40,000 ซี่ ภายในช่วงชีวิต

แปลว่าฟันเมกาโลดอน ตกลงสู่พื้นมหาสมุทร และเพิ่มโอกาสที่ฟัน จะเปลี่ยนเป็นฟอสซิลได้ง่าย พบมากในทุกทวีปทั่วโลก ยกเว้นทวีปแอนตาร์กติกา [3] สำหรับชิ้นส่วนโครงกระดูก เมกาโลดอนเป็นปลากระดูกอ่อน มากกว่ากระดูกแข็ง จึงเป็นซากที่สูญสลายไปได้ง่ายกว่า

สรุป เมกาโลดอน “Megalodon”

เมกาโลดอน ฉลามขนาดใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ด้วยความยาวลำตัวกว่า 20 เมตร เทียบกับรถบัส 2 – 3 คัน และน้ำหนักมากกว่า 100 เมตริกตัน เทียบกับช้างแอฟริกา 10 ตัว ความน่าสะพรึงกลัวที่สูญพันธุ์ไปแล้ว จากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ การถูกแย่งชิงอาหาร และเกิดฉลามนักล่าสายพันธุ์ใหม่ แบบในปัจจุบัน

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง