เม่นแคระ สัตว์เลี้ยงตัวเล็กจิ๋ว เอกลักษณ์เฉพาะตัว อยากเลี้ยงเพราะความน่ารัก แต่กลัวหนามแหลม ต้องเลี้ยงอย่างไรดี? ตามจริงแล้วเม่นขนาดเล็ก แตกต่างจากเม่นขนาดใหญ่ สามารถสัมผัสได้ กินง่ายอยู่ง่าย ขอแค่หนอนกับแมลง แถมยังมีราคาไม่แพง สำหรับสายพันธุ์ทั่วไป รวมถึงสายพันธุ์หายาก ราคาหลักแสนอีกด้วย
เม่นแคระ (Hedgehog) สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็ก ในวงศ์ Erinaceinae อยู่ในอันดับ Eulipotyphla โดยเป็นสัตว์ฟันแทะ คล้ายกับเม่นใหญ่ สามารถพบได้ในทวีปยุโรป แอฟริกา และบางส่วนในแถบเอเชีย แบ่งออกเป็นหลากหลายสายพันธุ์ มากกว่า 16 ชนิดบนโลก และมากถึง 92 สี [1]
โดยตัวโตเต็มวัย ตัวเมียมีน้ำหนัก ประมาณ 250 – 500 กรัม และตัวผู้ ประมาณ 400 – 700 กรัม หรือบางตัวอาจหนักได้มากถึง 800 – 1,200 กรัม ทั้งนี้เม่นขนาดเล็ก สามารถมีอายุขัยได้ 3 – 5 ปี หรือนานถึง 10 ปี ขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดู และสภาพแวดล้อม
เม่นขนาดเล็ก มีลักษณะทางกายภาพเด่นชัด คือ คล้ายกับเม่นขนาดใหญ่ ด้านหลังลำตัว ถูกปกคลุมไปด้วยขนหนาม สำหรับป้องกันตัว แต่หน้าตาจะเหมือนกับหนู สามารถมองเห็นฟัน 2 ซี่ด้านใน หรือถ้าหากเกิดการผสมข้ามสายพันธุ์ ส่งผลให้บางสายพันธุ์มีฟันถึง 32 ซี่ได้ สำหรับดวงตามีสีดำ มันวาวเป็นประกาย
สีของเส้นขนโดยทั่วไป จะมีตั้งแต่โทนสีดำ โทนสีน้ำตาล และขนสีขาวล้วน (ดวงตาสีดำสนิท หรือดวงตาสีแดง) ซึ่งมีขนสั้นแหลมเกือบทั่วทั้งตัว ประมาณ 7,000 เส้นโดยขนมีความหยาบกระด้าง และหนามากกว่าขนของเม่นใหญ่ ที่สำคัญจะไม่สลัดขนใส่ศัตรูแน่นอน จะใช้เป็นการพองขนเพื่อข่มขู่เท่านั้น
นิสัยและพฤติกรรมตามธรรมชาติ เม่นเป็นสัตว์รักสันโดษ และค่อนข้างหวงอาณาเขต มักสร้างเกราะกำบัง ป้องกันศัตรูโดยรอบ ซึ่งมีนิสัยขี้อายและขี้กลัว ชอบแอบซ่อน ขดตัวเป็นวงกลมเหมือนลูกบอล ตามมุมต่าง ๆ เมื่อเกิดอาการตกใจกลัว พร้อมกับพองขนตั้งชัน เตรียมป้องกันตัวเอง จากนักล่าทันที
นอกจากนี้พฤติกรรมของเม่น มักมีการกัดแทะขนของตัวเอง หรือเลียจนมีฟองเต็มปาก (Anting) อาจใช้สำหรับอำพรางกลิ่นของตัวเอง และสร้างกลิ่นใหม่ ให้ไม่เป็นที่สนใจของนักล่า หรืออาจทำเพื่อติดต่อสื่อสาร สร้างความน่าสนใจต่อเพศตรงข้าม โดยยังไม่สามารถ ทราบพฤติกรรมที่แน่ชัดได้
สัตว์เลี้ยงตัวเล็กมีหนาม ค่อนข้างมีหลากหลายสายพันธุ์ ตามธรรมชาติแล้ว เป็นสัตว์ออกหากินเวลากลางคืน มักทำตัวร่าเริง ไม่ค่อยอยู่นิ่ง แต่จะนอนขดตัวเป็นก้อนกลม ๆ เพื่อเก็บพลังงาน ในช่วงเวลากลางวัน และตื่นมาวิ่งเล่นเมื่อพระอาทิตย์เริ่มตกดิน สำหรับผู้เลี้ยงแล้วจะต้องทำความเข้าใจ ในการเลี้ยงดูแลเป็นอย่างมาก
สถานที่เลี้ยงสำหรับอยู่อาศัย แนะนำควรเลี้ยงในกรงกั้นแบบเรียบ (ไม่ควรเป็นกรงลวดเหล็ก) โดยมีความสูงของกรง ที่ไม่สามารถปีนออกได้ อย่างน้อย 120 x 60 เซนติเมตร ทั้งยังต้องการพื้นที่ มีแดดส่องถึง ด้วยอุณหภูมิการเลี้ยง 25 – 35 องศาเซลเซียส และระดับความชื้น 40 – 70% เพื่อสุขภาพที่ดีของเม่น
ด้านอาหารการกิน เน้นจำพวกแมลงและหนอน มีความต้องการสารอาหาร จากโปรตีนคุณภาพสูง 30 – 50% ของอาหารทั้งหมด และควรมีไขมันต่ำ ประมาณ 10 – 20% รวมถึงควรเติมไฟเบอร์ และลดปริมาณแคลอรี่ ด้วยการให้กินผัก กับผลไม้บางชนิด แต่ไม่ควรให้เยอะ เพราะไม่สามารถย่อยได้
การเลี้ยงดูเม่นขนาดเล็ก สำหรับแม่เม่น จะใช้เวลาตั้งท้อง 34 – 37 วัน โดยมีลูกประมาณ 1 – 7 ตัว ลูกเม่นจะมีผิวหนังสีชมพู แล้วค่อย ๆ สร้างหนามใต้ผิวหนังภายใน 1 วัน และโผล่หนามแหลมขึ้นมาจากผิว เมื่ออายุครบ 10 วัน หลังจากนั้นจะหย่านม สามารถกินอาหารปกติได้ ตอนอายุประมาณ 4 – 6 สัปดาห์ [2]
ราคาซื้อขายในตลาดทั่วไปของ Hedgehog มีราคาเริ่มต้น 400 บาท ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสี สายพันธุ์ต่าง ๆ รวมถึงความยากง่าย ในการผสมพันธุ์ หากเป็นเม่นกลุ่มสีพิเศษ หรือสายพันธุ์หายาก อย่างเช่นสายพันธุ์ X-Pinto เม่นขนาดเล็ก 2 สี อาจมีราคาสูงถึงตัวละ 3,000 – 4,000 บาท
หรือสายพันธุ์ผสมยาก อย่างเช่น เม่นเล็กหน้าด่าง ที่เพาะพันธุ์โดยฟาร์มคนไทย มีเพียงแค่ 4 ตัวเท่านั้น ต้องอาศัยหลักของพันธุกรรมแต่ละตัว สามารถตั้งราคาขายได้ถึง 17,000 – 24,000 บาท ตอบโจทย์สำหรับ คนรักเม่นตัวน้อย ทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศ [3]
เม่นแคระ หนึ่งในสัตว์เลี้ยงแปลก Exotic ความน่ารักแสนซน ไม่แพ้กับเจ้า ชูการ์ไกลเดอร์ ที่หลายคนนิยมเลี้ยงเป็นเพื่อนเล่น แม้ว่าเจ้าเม่นตัวกลมเล็กจิ๋ว จะมีหนามแหลม แต่ก็ไม่เป็นปัญหา ในการเลี้ยงแม้แต่น้อย สามารถหาซื้อได้ ในตลาดจำหน่ายสัตว์ทั่วไป ราคาเป็นมิตร เริ่มต้นเพียง 400 บาทเท่านั้น