สาระชีวิต เสือดาวหิมะ ราชาเทือกเขาหิมะในเอเชีย

เสือดาวหิมะ

เสือดาวหิมะ สัตว์ป่าหายาก แห่งภูเขาสูง มีหิมะปกคลุมไปทั่ว โดยมีเอกลักษณ์โดดเด่น ขนยาวหนาสวยงาม ลวดลายคล้ายกับเสือดาว เราจะเรียกพวกมันว่า แมวป่าตัวใหญ่ชนิดหนึ่ง พบมากในทิเบตและจีน หนึ่งในสัตว์ที่ช่วยสร้างสมดุลแก่ธรรมชาติ แต่กลับถูกล่าจากฝีมือมนุษย์ ส่งผลต่อประชากรเหลือน้อยมาก

เปิดโลกเร้นลับกับ เสือดาวหิมะ

เสือดาวหิมะ (Snow Leopard) สปีชีส์ของแมวขนาดใหญ่ ตระกูล Panthera จัดอยู่ในวงศ์ของ Felidae สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมจำพวกแมว มีถิ่นฐานกำเนิดในเทือกเขา ของทวีปเอเชียกลาง และ ทวีปเอเชียใต้ โดยเป็นสายพันธุ์ที่มีความใกล้ชิดกับเสือ (P.Tigris) ต้นกำเนิดในเอเชียกลางตอนเหนือ ประมาณ 4.62 – 1.82 ล้านปีก่อน [1]

ลักษณะจำเพาะ เสือดาวหิมะ

เสือดาวหิมะเป็นแมวขนาดใหญ่ ที่แตกต่างจากเสือดาวทั่วไป คือ มีปากสั้นกว่าหน้าผาก จมูกขนาดใหญ่ และไม่สามารถคำรามได้ เพราะมีเส้นเสียงสั้น ขนาดเพียง 9 มิลลิเมตร ซึ่งมีความต้านทาน ในการไหลเวียนของอากาศเล็กน้อย แต่สามารถปรับตัวเข้ากับ สภาวะขาดออกซิเจน ในพื้นที่ระดับสูงได้เป็นอย่างดี

ลักษณะมีขนหนาแน่น สีขาวและสีเทา มีจุดดำบริเวณหัวและคอ มีลายเหมือนดอกกุหลาบทั่วลำตัว หางยาวเป็นพุ่มหนา และ ใต้ท้องเป็นสีขาว ซึ่งเป็นรูปร่างเตี้ย ขาสั้น โดยมีขนาดลำตัว 75 – 150 เซนติเมตร น้ำหนักเฉลี่ย 35 – 55 กิโลกรัม ความยาวหาง 80 – 105 เซนติเมตร และ เขี้ยวเรียวยาว 28.6 มิลลิเมตร

สภาพร่างกาย มีการปรับตัวหลายอย่าง เพื่อดำรงชีวิตในอากาศหนาวเย็นบนภูเขา โดยมีหูโค้งมน สำหรับลดการสูญเสียความร้อน มีอุ้งเท้ากว้าง ช่วยกระจายน้ำหนักตัว เมื่อเดินบนหิมะ มีหางยาวหนาแน่นและยืดหยุ่น สำหรับทรงตัวได้ในพื้นที่มีหิน และเป็นแหล่งสะสมไขมัน ช่วยปกคลุมขนและใบหน้า ขณะนอนหลับ

พฤติกรรม การล่าสัตว์ และการอยู่อาศัย

พฤติกรรมของเสือดาวหิมะ เป็นสัตว์ที่รักการอยู่แบบสันโดษ มักเคลื่อนไหวตั้งแต่รุ่งสาง – ยามเช้าตรู่ และจะพบอีกครั้งในตอนบ่าย กับตอนค่ำ ซึ่งพวกมันชอบพักผ่อน ใกล้กับสันเขาและหน้าผาสูง โดยพื้นที่อาศัยใน 100 ตารางเมตร อาจมีเสือดาวออกหากิน ประมาณ 10 ตัว

การออกล่าสัตว์ เป็นประเภทสัตว์กินเนื้อ และล่าเหยื่อแบบแข็งขัน ซึ่งพวกมันชอบกิน แกะสีน้ำเงินหิมาลัย เสือภูเขาหิมาลัย แกะภูเขาอาร์กาลี แพะมาร์คอร์ แพะป่า และ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็ก อีกหลายชนิด โดยการล่าเป็นการวิ่งไล่ตามเหยื่อ และลากเหยื่อไปยังที่ปลอดภัย เพื่อฉีกกินเนื้อส่วนต่าง ๆ

แหล่งอาศัยอยู่ในเขตภูเขาสูง และบริเวณใต้ภูเขา ในระดับความสูงเหนือน้ำทะเล 3,000 – 4,500 เมตร โดยพบมากในเทือกเขาหิมาลัย ของประเทศอินเดีย อยู่ในพื้นที่ประมาณ 34,000 ตารางกิโลเมตร ซึ่งเป็นถิ่นอาศัยที่ดี และเหมาะสม พวกมันชอบพื้นขรุขระเป็นหิน พื้นหิมะหนา และชอบเดินในเส้นทางของสัตว์อื่น

เกร็ดความรู้เพิ่มเติมของ เสือดาวหิมะ

เสือดาวหิมะ

แม้ว่าเราจะเรียกกันว่า “เสือดาว” แต่อย่างที่เรารู้กันแล้วว่า พวกมันเป็นแมวตัวใหญ่ ที่มีลวดลายคล้ายกับ เสือดาวเท่านั้น ทั้งยังมีทักษะพิเศษ สามารถกระโดดได้ไกล มากถึง 15 เมตร และทนทานต่ออุณหภูมิ ต่ำกว่า -25 องศาเซลเซียส ได้แบบสบาย ๆ นอกจากนี้ยังมีนิสัยแปลก ชอบงับหาง หรือเล่นกับหางตัวเองอยู่เสมอ

เสือดาว หิมะ งับหางตัวเองทำไม?

เนื่องด้วยนิสัยตามธรรมชาติ ของเสือดาวหิมะ จัดอยู่ในประเภท สัตว์เขตหนาว ที่ค่อนข้างสันโดษ ขี้อาย มักหลีกเลี่ยงการพบเจอมนุษย์ และชอบล่าเหยื่ออย่างลำพัง ซึ่งเวลาที่มันอยู่ตัวเดียว มักชอบงับหางตัวเอง หรือเล่นกับหางตัวเองในบางครั้ง นั่นเป็นเพราะพวกมันต้องการ สร้างความอบอุ่นให้กับร่างกาย

โดยมีหางเป็นขนหนา ช่วยปกป้องจากอากาศหนาวเย็นรุนแรง ด้วยขนที่หนานุ่ม มากกว่า 2 นิ้ว พวกมันจึงใช้หางตัวเองมาเป็นผ้าห่ม หรือผ้าพันคอ หรือแม้กระทั่งใช้เล่น เพิ่มทักษะการล่า การรับรู้สำรวจร่างกายตัวเอง และเพื่อแก้เบื่อ สำหรับผ่อนคลายความเครียดอีกด้วย [2]

ภัยคุกคามและสถานภาพประชากร

ภัยคุกคามเสือดาวหิมะ เป็นสัตว์ที่ถูกล่าจากมนุษย์ ด้วยขนที่หนานุ่ม และสวยงาม มักถูกนำไปเป็นเสื้อคลุมขนสัตว์ ที่มีความต้องการสูง ในวงการแฟชั่น มีราคาประมาณ 190 ดอลลาร์ และอาจมีราคาสูงถึง 50,000 ดอลลาร์ รวมถึงการค้าขายหนังเสือดาว ที่เสียชีวิตไปแล้ว 1,000 ตัว / ปี ปัจจุบันก็ยังคงมี การลักลอบเกิดขึ้น

จำนวนประชากร อยู่ในระดับความเสี่ยงสูงที่จะสูญพันธุ์ จากการประเมินประชากร ในปี 1994 พบมีจำนวนค่อนข้างน้อย กระจายอยู่ในหลายพื้นที่กว่า 1,835,000 ตารางกิโลเมตร รวมประชากร 4,510 – 7,350 ตัว ถูกจัดให้อยู่ในบัญชีหมายเลข 1 ของ IUCN และออกกฎหมายห้ามล่าสัตว์ ในแต่ละประเทศ [3]

สรุป เสือดาวหิมะ “Snow Leopard”

เสือดาวหิมะ วงศ์แมวขนาดใหญ่ แหล่งกำเนิดในเทือกเขาสูง อากาศหนาวเย็น ของเอเชียกลาง และเอเชียใต้ สายพันธุ์ที่ปรับตัวอยู่ในพื้นที่มีหิมะได้ดี มีทักษะการกระโดดไกล และพฤติกรรมชอบงับหางตัวเอง เพื่อปกคลุมร่างกายช่วยสร้างความอบอุ่น โดยประชากรค่อนข้างเหลือน้อย เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ในอนาคต

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง