Hades เป็นเกมเล่นตามบทบาท Action Roguelike ที่พัฒนาและเผยแพร่โดย Supergiant Games ผู้เล่นจะรับบทเป็น Zagreus ลูกชายของเทพเจ้าแห่งความตาย ที่เขาจะต้องหลบหนีจากยมโลก และไปห้องต่าง ๆ แบบสุ่ม ที่เต็มไปด้วยศัตรูมากมาย โดยมีจุดมุ่งหมาย หรือเป้าหมายหลัก ก็คือ ภูเขาโอลิมปัส สำหรับเรื่องราว การเล่น และสิ่งที่น่าสนใจของเกมนี้ จะมีอะไรอีกบ้างนั้น ตามข้อมูลต่อจากนี้
พล็อตเรื่องเริ่มต้นของเกมนี้ ก็อย่างที่ว่าไป ก็จะมีการเล่าถึง ลูกชายและลูกคนโตของ เทพเจ้าแห่งความตาย ที่พยายามหลบหนีออกจากอาณาจักร เพื่อไปตามหา Persephone หรือแม่ที่แท้จริง แต่ก็เป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะผู้ที่อาศัยอยู่ในยมโลก ได้ปลดปล่อยสัตว์ประหลาดมากมาย เพื่อขัดขวางการหลบหนีนั่นเอง โดยเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไปนั้น ทางเราขอไม่สปอยด์
ส่วนเรื่องของรูปแบบการเล่น เกมนี้ได้รับการออกแบบอย่างดี และให้ความลึกซึ้งอย่างมาก ระบบภายในเกมทั้งหมด ก็เชื่อมโยงกันอย่างเหลือเชื่อ เพื่อที่จะให้การเล่นนั้น สนุกและเป็นไปได้อย่างลื่นไหล โดยตอนแรกนั้น ก็จะมีดาบคู่ใจให้ใช้ฟาดฟันกับศัตรู ส่วนอาวุธที่เหลือ จะต้องทำการ Unlock เมื่อผ่านด่านต่าง ๆ ไปได้ โดยการโจมตีที่สามารถทำได้ ก็จะมีทั้งแบบปกติ และแบบพิเศษให้เลือกใช้ โดยเป้าหมายหลักของตัวเกม ก็คือ การเล่นตามเนื้อเรื่องไปเรื่อย ๆ นั่นเอง [1]
ข้อแนะนำเรื่องของการบังคับในเกม Hades การใช้ Mouse & Keyboard นั้น อาจจะใช้เล่นได้ แต่อาจจะไม่เหมาะสม และแม่นยำเท่ากับจอยคอนโทรลเลอร์ เพราะการที่ใช้จอยคอนโทรลเลอร์ ในการบังคับเกมนี้ จะให้ความรู้สึกที่ลื่นไหล และถนัดมากกว่า ซึ่งในส่วนนี้สำคัญอย่างมาก เพราะหากการบังคับผิดพลาดไปแค่เพียงนิดเดียว อาจจะส่งผลให้ทำสิ่งต่าง ๆ ภายในเกมผิดพลาด หรืออาจจะส่งผลให้ตัวละครได้รับความเสียหาย และเสียชีวิตได้
ภาพในเกมมาแนวทางเดียวกับเกมอินดี้ทั่วไป ที่จะไม่ได้เน้นเรื่องของรายละเอียดที่ซับซ้อน และความอลังการงานสร้าง แต่ตัวละครแต่ละตัว จะมีเสน่ห์เป็นของตนเองอย่างมาก แต่เรื่องของมุมมองกล้องในเกมนี้ ไม่สามารถปรับเปลี่ยนได้ เพราะจะเป็นแบบ 2 มิติ ที่จะเฉียงมาจากด้านบน ซึ่งให้อารมณ์คล้าย ๆ กับเกมอย่าง Diablo 3 เลย โดยมุมมองแบบนี้ เป็นอะไรที่มองง่าย และจัดการกับสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย
ส่วนเรื่องของเสียงภายในเกม ก็ถือว่าทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม และเข้ากับบรรยากาศได้เป็นอย่างดี และสิ่งที่ดีที่สุดในเรื่องของเสียง คงจะเป็นเรื่องของ ความพิถีพิถัน กับบทพากย์เสียง ของตัวละครแต่ละตัว ที่รวมแล้วจาก 30 ตัวละคร มีถึง 305,433 คำ โดยแต่ละตัวละคร ก็ได้รับการพากย์เสียง ตามบทบาทของตัวละครนั้น ๆ ได้อย่างยอดเยี่ยม ซึ่งเป็นอะไรที่ละเอียดมาก ๆ ที่ทางผู้พัฒนาตั้งใจทำขึ้นมา
จุดเด่นของเกม Hades มีหลายเรื่องรวมกัน โดยเรื่องแรกจะเป็นเรื่องของ การต่อสู้ที่ล้ำลึก และมีเนื้อเรื่องที่น่าติดตาม แถมยังมีสไตล์ศิลปะที่สลับซับซ้อน ที่บอกเลยว่า สวยงาม และสามารถทำออกมาได้อย่างน่าอัศจรรย์อีกด้วย แถมเรื่องของการต่อสู้ภายในเกมนี้ ก็มีความมันส์อย่างมาก เพราะว่ามีอาวุธให้เลือกใช้หลากหลายแบบ และมีท่าทางการเคลื่อนไหวที่หลากหลาย และที่แน่ ๆ เกมนี้ไม่กินสเปคเครื่องเล่นเลย [2]
ข้อเสียของเกม Hades ก็จะเหมือนกับเกมแนว Action Roguelike ทั่วไป ที่โครงสร้าง ของรูปแบบการเล่นภายในเกมนั้น ให้ความรู้สึกที่ซ้ำซาก และนอกจากนี้ ศัตรูภายในเกม ก็มีความซ้ำซากเช่นกัน เพราะมันแค่เปลี่ยนสีสกิน หรืออาวุธที่ใช้เท่านั้น ซึ่งในส่วนนี้ยิ่งทำให้การเล่นที่น่าเบื่ออยู่แล้ว น่าเบื่อยิ่งขึ้นไปอีก แถมเรื่องของ Effect การต่อสู้ภายในเกม ก็ให้ความรู้สึกที่โอเวอร์เกินไป ซึ่งส่งผลให้ยากที่จะมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ว่าทำอะไรไปแล้วบ้างนั่นเอง
วันที่เปิดให้บริการเกมนี้ มี 3 ช่วงเวลา ซึ่งจะเปิดให้กับแพลตฟอร์มที่ต่างกัน โดยครั้งแรกที่เปิดให้บริการนั้น คือวันที่ 17 กันยายน 2563 ซึ่งเปิดให้กับแพลตฟอร์มอย่าง MacOS, Switch และ Windows ผ่าน App Steam ต่อมาช่วงที่ 2 ก็ได้เปิดไปเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2564 โดยเปิดให้กับ PS4, PS5, Xbox One และ Series X/S และล่าสุดเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2567 ทางตัวเกมก็ได้เปิดให้กับ Smart Phone ผ่านระบบ IOS เท่านั้น ส่วนเรื่องของราคา แต่ละแพลตฟอร์มจะต่างกัน ซึ่งราคาจะอยู่ที่ประมาณ 495 บาท [3]
Hades โดนรวมก็เป็นเกม Action Roguelike ที่มีการผสมผสานที่ยอดเยี่ยม ระหว่างการต่อสู้ที่ดุดัน และยืดหยุ่น แถมยังมีสไตล์ภาพที่สวยงาม ในรูปแบบ 2 มิติ และเนื้อเรื่องที่เข้มข้นน่าดึงดูดใจ ซึ่งทั้งหมดนี้ ตัวเกมสามารถทำออกมาได้แบบร่วมสมัยสุด ๆ โดยให้ความรู้สึกราวกับว่า เกมนี้สามารถตีความการผสมผสาน ระหว่างเกมแนว Action กับแนว Roguelike ออกมาได้อย่างน่าพึงพอใจ สำหรับใครที่สนใจ ก็ไปลองหาซื้อมาเล่นกันได้เลย รับรองว่าไม่ผิดหวัง